SWITZERLAND
SUISSE
SCHWEIZ
SVIZZERAS
SVIZRA
CONFOEDERATIO HELVETICA

 

บทเริ่มต้นตอน 1

อยู่ๆลุงแกก็ล้มตึงโดยไม่รู้สาเหตุ  แกแข็งแรงมากเพียงแต่เตะปี๊บไม่ดังเท่านั้นเห็นโด๊ปอะไรต่อมิอะไร ไม่เจียมสังขารเลยอายุจะ 65 ปีแล้ว ก่อนจะเดี้ยง   หน้าตาแกเหลืองหมดแรง ปวดหัวไหล่จนลามไปถึงกราม  ไปหาหมอถึงได้รู้ว่าแกป่วยหนักเป็นโรคหัวใจ  ป้ากับฝ่าน (Stephan เป็นลูกชายคนโตยังโสด หน้าตาหล่อลากดินมาก อายุจะ 25 ปีแล้ว ใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักวิ่งทีมชาติไทย)  เราสองคนต้องหามแกไปส่งโรงพยาบาลแบบฉุกเฉิน ครั้นจะให้นั่งรถหวอที่ร้องตูดตู๊..ตูดตู๊... ก็จะเอิกเกริกเกินไป   มีทางเดียวคือป้าต้องกัดฟันปลอมนั่งรถแท็กซี่เพราะป้าขับรถไม่เป็น  แท๊กซี่เขาคิดราคา 3 คนโหดมาก   ป้าต้องจ่ายค่ารถประมาณ 50  สวิสฟรังก์(พันกว่าบาท)ระยะทางไม่ไกลเท่าไร

Novataxi    Baerentaxi

รถแท็กซี่ที่ Bern มีหลายบริษัท มีของส่วนตัวด้วย  ที่ใหญ่เป็นอันดับแรกของรัฐ Bern คือ Nova Taxi  ส่วนรถแท็กซี่ที่ป้านั่งเป็นของ Baeren Taxi ใหญ่เป็นอันดับสอง ป้ารู้จักดีเพราะลุงแกรับจ๊อบไปขับหารายได้พิเศษเวลามีงานเทศกาลใหญ่ๆ  หรือเวลาคนขับมีน้อยเขาเรียกตัวแกไปช่วยขับสำรอง  บริษัท Baeren Taxi มีรถจำนวน 40 คันส่วนมากจะเป็นยี่ห้อ Peugeot มีรถบริการให้เลือกได้หลายแบบ การเรียกรถแท๊กซี่ เราสามารถเรียกได้ทาง Internet หรือเรียกสั่งทางโทรศัพท์แล้วรถจะมารับถึงบ้าน  ตามแถว Bahnhof จะมีรถแท็กซี่จอดเรียงรายรับผู้โดยสารอยู่

   

  Taxi school                                                                              Homebase

การขับรถแท็กซี่ที่นี่มีกฎระเบียบมากมาย  ต้องมานั่งเรียนกฎจราจรใหม่ถึงแม้จะขับรถเป็น  มาเรียนการสื่อสาร  การจอดรถ  กฎจราจรพิเศษหรือเส้นทางที่ห้ามสำหรับรถยนต์ธรรมดาแต่รถแท๊กซี่สามารถใช้เส้นทางนี้ได้  ศูนย์กลางรถแท๊กซี่อยู่ไม่ไกลจากบ้านป้า  เขาจะมีโรงเรียนสอนขับแท็กซี่โดยเฉพาะ ครูที่สอนจะเข้มงวดมาก ทุก 3 ปีจะต้องมาทำใบขับขี่ใหม่ การทำใบขับขี่รถแท็กซี่ต้องมีใบตรวจแพทย์  หมอตรวจทุกอย่าง เช่น หู ตา หัวใจ และต้องมีใบจากตำรวจว่าเป็นคนไม่มีประวัติด่างพร้อย ใบขับขี่รถแท็กซี่จะเป็นบัตรแข็งพับได้ ข้างในจะระบุวัน เดือน ปี ที่ออกและมีรูปถ่ายของคนขับพร้อมทั้งมีเครื่องหมายว่า TAXI  ประทับตราไว้  ใครไม่รู้จะคิดว่าคนขับรถแท็กซี่กระจอกงอกง่อยขอบอกว่าบางครั้งจะหน้าแตก คนขับแท๊กซี่บางคนเป็นนักศึกษาเรียนสูงมาก  หรือบางคนมามาขับแค่หารายได้พิเศษเพื่อเก็บเงินไว้เที่ยว คนขับรถแท็กซี่สวิสป้าขอการันตรีได้เลยไม่ต้องกลัวหรือหวาดวิตกจริตจนประสาทง่อนแง่น  ว่าจะมาทำปูยี่ปูยำหรือปล้น หรือลูบคลำขาอ่อน คนขับแท๊กซี่เหล่านี้ล้วนมีประวัติดีทั้งนั้น

ระหว่างทางที่ 3 เราเดินทางไปโรงพยาบาล ป้านั่งหน้าเหลืองอ๋อยเหมือนพวกอพยพหลบหนีเข้าเขตแดน  ฝ่านนั่งหน้าตูมปนเหลือง ที่ตูมเพราะมีนัดจะไปดูหนังกับเพื่อน  ที่เหลืองเพราะห่วงสปอนเซอร์คือพ่อของมัน  ระหว่างทางที่ไปโรงพยาบาล  คนไข้คุยฟุ้งจ้อกับคนขับรถแท็กซี่ตลอดทาง นี่ขนาดป่วยหนักพะงาบๆๆนะถ้าไม่ป่วยจะขนาดไหน

              Tiefenauspital

เมื่อไปถึงโรงพยาบาล Tiefenauspital หมอจัดการทำการใช้ลูกโป่งขยายหลอดเลือดโดยด่วนพร้อมบอกว่าแกโชคดีไม่ต้องขึ้นสวรรค์ ถ้าไม่แข็งแรงแกไปเฝ้าพระเยซูแล้ว ป้ามานั่งคิดดูที่แกยังอยู่รอดปลอดภัยทุกวันนี้ สงสัยเป็นเพราะลุงแกชอบคุยมาก บนสวรรค์เขาต้องการความสงบเลยต้องคิดหนัก ถ้าขืนให้ขึ้นไปสงสัยสวรรค์ป่วนแน่ๆๆ

หมอต้องใช้ลูกโป่งขายหลอดเลือดถึง 2 ครั้งจึงสำเร็จแบบหืดขึ้นคอ หลังจากออกจากโรงพยาบาลมา  หมอให้พัก 1 เดือนแกเลยถือโอกาสไปเรียนหนังสือเรื่องโรคหัวใจแก้กลุ้ม  ไม่ใช่อะไรหรอกถ้าอยู่บ้านสงสัยต้องฉะกับเมียทุกวันแกเลยหาทางออกแบบนี้  ระบบการรักษาพยาบาลที่สวิสถือว่าเยี่ยมยอดมาก ป้าจ่ายแค่ 10% นอกนั้นประกันจ่ายเงินให้ทุกอย่าง งานนี้เลยสบายไป รูปที่เห็นข้างบนคือการใช้ลูกโป่งขยายหลอดเลือดของลุง  และเพราะลุงป่วยนี่แหละ คือจุดเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้ของป้า

 

หนุ่มวัยรุ่นเหลือน้อย......อำลาค่าย

ตั้งแต่ลุงออกจากโรงพยาบาลมา   แกต้องไปอบรมเข้าค่ายที่โรงพยาบาลได้จัดไว้สำหรับคนเป็นโรคหัวใจโดยเฉพาะ  มีกำหนดเวลา 1 เดือนเต็ม ไปเช้ากลับเย็น ลุงกระดี๊กระด๊ามากทำตัวเป็นเด็กนักเรียนหนวดหงอก สะพายเป้ผ้าใบใส่หนังสือคู่มือเรียน เดินแทะลูกแอปเปิลแบบเด็กหลงวัย  ดูแล้วขัดหูขัดตาป้าชะมัด  การเรียนการสอนของผู้ป่วยโรคหัวใจที่นี่ หมอจะสอนตั้งแต่การกินอาหารให้ถูกต้อง   การลดความเครียด  เช่น เลิกด่าเมีย เป็นต้น  ลักษณะการสอนคล้ายๆกับการทำสมาธิ   ให้พุ่งจุดสนใจไปตรงกลางพุงกะทิของ แกและให้นึกถึงรูปดวงอาทิตย์   แกกลับมาเล่าให้ฟังทุกวันถึงกิจกรรมต่างๆ

             

ในแต่ละวันลุงต้องคาดเข็มขัดตรงราวนมเหี่ยวๆของแกและผูกนาฬิกาข้อมือมีรูปหัวใจเต้นระบำทันสมัยของ2อย่างนี้จะใช้วัดการเต้นควบคุมการทำงานของหัวใจ  การทำงานของนาฬิกาแบบนี้หมอจะเป็นคนปรับให้แล้วแต่การทำงานของหัวใจแต่ละคน  แต่ย้ำนักย้ำหนาว่าต้องใส่ตลอดเวลา ถ้าหัวใจเต้นแรงเกินกว่าปรกติจะเกิดสัญญาณเตือนสติ  แกจะได้เลิกซ่าไม่ลืมตัวหมอบอกหัวใจแกตายไปแล้ว 25% และต้องกินยาตลอดชีวิต

ใกล้วันที่จะจบหลักสูตรการเรียนการสอน ลุงได้เอกสารที่ได้รับการอบรมมาหน้าบานเป็นใบบัว ถึงแม้ตัวเองต้องอดอยากปากแห้ง (เพราะไม่ได้ทำงานเลย) มากอดกับอกห้อยๆเหี่ยวๆของแก  ลุงทำงานมีกิจการส่วนตัว ทำให้ไม่มีเงินประกันเบี้ยเลี้ยงรายวันตอนป่วยเหมือนกับคนทำงานกับบริษัท หรือทำงานกับคนอื่น   ที่ลุงไม่ทำเพราะไม่มีปัญญาหาเงินมาจ่ายค่าประกันซึ่งสูงมาก ขืนทำสงสัยลูกเมียคงอดตายหรือไม่ก็กลายเป็นเด็กเอธิโอเปียแน่ๆ   ที่สวิตเซอร์แลนด์ถ้าทำงานกับคนอื่นหรือทำงานในบริษัทจะไม่มีปัญหา   เขาจะหักเงินประกันออกแต่ละเดือนช่วยเหลือยามเจ็บป่วย หรือยามแก่ชราตะบันน้ำกิน  วิธีการหักเงินแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1. เงินคนแก่ (AHV) ทุกคนที่ทำงานหาเงินได้จะต้องจ่ายให้รัฐบาล เวลายามแก่ชรา รัฐเขาก็จะเลี้ยงดู แต่บางคนยังไม่ทันจะได้ใช้เงินเลยก็เด็ดสะมอเร่ไปเสียก่อน  แต่ถ้าไม่ซี้ไปก่อน ตอนอยู่ก็เกือบจะซี้เหมือนกันเพราะต้องส่งเงินให้รัฐบาลแต่ละเดือนเป็นจำนวนมาก   ตอนแก่ตัวลงปลดเกษียรบางคนอยู่แบบน้องผู้หิวโหยก็มี ถึงแม้จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเพิ่ม(Ergaezunsleistungen) เป็นสวัสดิการช่วยเหลือของรัฐบาลที่ช่วยเหลือ คนแก่อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป กับคนพิการทุพพลภาพเท่านั้นคนทั่วๆไปไม่มีสิทธิ ถ้าในกรณีย์ที่รายได้ต่ำกว่ากำหนดก็ยังไม่ค่อยพอกินอยู่ดี  จึงมีบางสมาคมเข้ามาช่วยเหลือตั้งกลุ่มขายอาหารคนแก่ซึ่งมีราคาถูกมาก หรือบางแห่งแจกอาหารฟรีก็มี

2. เงินสะสมเฉพาะกับคนที่ทำงานกับบริษัท ห้างร้าน โรงงาน ทำงานกับคนอื่นเราเรียกเงินนี้ว่า(Pension) เขาจะหักทุกเดือน หรือเวลาตกงานALE (Die Arbeitslosenentschaedigung) ก็ได้รับเงินดูแลจากรัฐบาลแต่ต้องไปปั๊มแสตมป์ทุกวันและต้องตะเวนออกหางานทำ  ถ้าทำซ่าพอไม่สบอารมณ์โก๋เจ้านายลาออกเองเขาไม่ให้นะ  แต่ถ้าเจ้านายไม่สบอารมณ์โก๋ไล่ออกแบบนี้เราไปปั๊มแสตมป์ได้  ระหว่างที่ไปปั๊มแสตมป์จะต้องพยายามหางานทำให้ได้เพราะถ้าหาไม่ได้หลังจากที่รัฐบาลหยุดให้ความช่วยเหลือแล้วจะลำบากมาก  เขามีกำหนดจ่ายให้ประมาณ 2 ปี(บางคนได้แค่ 18เดือน กฎระเบียบซับซ้อนมาก)และได้ประมาณ 80% (สำหรับคนมีลูก)หรือ 70% ของเงินเดือน 6เดือนที่ได้รับครั้งสุดท้าย เงินที่ได้รับเราเรียกว่า

Taggeld (เบี้ยเลี้ยงรายวัน)เช่น เงินเดือน 6 เดือนสุดท้าย  ได้รับ   CHF  4500
Taggeld 80% เขาจะจ่ายให้แค่วันจันทร์-วันศุกร์   CHF  165.90   (4500 : 21.7 x 80%)       

** ใครทำงานส่วนตัวจะไม่ได้รับการช่วยเหลือแบบนี้  ถ้าตกงานต้องตายแบบน้องเขียดถ้าไม่รู้จักเก็บ**

รัฐบาลสวิสก็มีสวัสดิการประกันสังคมให้นะ แต่คนสวิสถ้าไม่อดตายจริงๆไม่ไปขอความช่วยเหลือหรอก เป็นป้าก็ไม่ไป เพราะเขาเช็คค่าใช้จ่ายเราเหมือนกับจะจับเราแก้ผ้าเลย  ว่าไปเขาไม่ได้ให้เราใช้ฟรีหรอกนะถ้าเราหาเงินได้เมื่อไรเขาจะเรียกเงินเราคืนพร้อมดอกเบี้ยทันที  แต่ถ้าเราไม่ทำงานเขาก็ยังให้ตลอดไปแต่ไม่มาก แค่พอยาไส้ทุกเดือน  การทำงานส่วนตัวถ้าไม่รู้จักเก็บอดตายลูกเดียว  คนฉลาดจะมีวิธีการเก็บเงินคือการทำประกันชีวิตแล้วแต่กำหนดเวลาและวงเงินที่ทำ  การทำแบบนี้เราสามารถนำมาหักลดภาษีได้  ลุงก็ทำประกันชีวิตมั่วไปหมดแต่ทำกับบริษัทเดียวคือ  Rentenanstalt หรือชื่อใหม่ Swisslifeลุงแกเป็นลูกค้าที่ดีมากจนบริษัทเขาให้ Aktien (หุ้น) ฟรีตั้ง 23 อัน

   

คนสวิสจริงๆอยากทำงานส่วนตัวมาก แต่ไม่ค่อยกล้าแสดงฝีมือมาทำธุรกิจส่วนตัวตามใจชอบ  คนที่มีธุรกิจส่วนตัวเหมาะสำหรับคนที่เก่งและต้องการความเป็นอิสระมากเรียกว่าไม่ยอมเป็นขี้ข้าของใคร   บางคนร่ำรวย บางคนแค่เลี้ยงปากเลี้ยงลูกกระเดือกแบบป้ากับลุงไปวันๆ

กิจการลุงรับเหมาตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบแกทำทุกอย่างที่ได้เงิน ไม่ว่าจะเป็นทำหลังคา ทำสวน ขับรถแท็กซี่ ปลูกผักขายทำทุกอย่างเรียกว่างกมากทำจนกางเกงตูดขาดปะแล้วปะอีก  บางครั้งคนจ้างสงสารเอากางเกงที่ผัวตายไปแล้วเอามาให้ลุงเพราะคิดว่าแกไม่มีปัญญาซื้อกางเกงใหม่ คนทำงานส่วนตัวที่ผูกเน็คไท้บางคนกิจการแย่มากถึงกับปิดกิจการยอมไปเป็นขี้ข้าคนอื่นตามเดิม  เมื่อลุงไม่ได้ทำงานจึงขาดรายได้ชั่วคราวทุกวันป้าต้องนั่งแคะกระปุกเอาเงินเก่ามากินร่วม2เดือนเต็ม  นี่ดีนะที่ลุงแกปลูกมันตุนเอาไว้เลยพอรอดตายไปได้ชั่วคราว

ใกล้วันจะจบหลักสูตรลุงนั่งถอนใจดังเฮือกๆ  เห็นแกนั่งซึมทำตาลอยถามไถ่จึงได้รู้ว่า ลุงอยากจะไปโรงเรียนทุกวัน  ไม่รู้ว่าติดใจอะไร  ป้านั่งและนอนนึกมันผิดสังเกตมากเลย  สรุปหาสาเหตุไม่ได้เพราะช่วงหลัง 1 เดือนเต็มไม่ได้ติดตามแกเลย  ป้าจึงปรึกษากับฝ่าน ไอ้ลูกชายที่มีอาชีพนั่งวิ่ง ไม่ว่าเป็นจะวิ่งราว วิ่งตามสาว วิ่งไปเรื่อยๆ (แม่ล้อเล่นนะลูก)

ฝ่าน...ให้ป่าปี๊ ไปเที่ยวดีไหมจะได้เลิกคลั่งเสียที ป้าถาม

ใช่  ม่าหมี เซ็งป๊าปี้จริงๆ งั้นกดเนท ลองหาที่ท่องเที่ยวไอ้แบบที่ลดราคามากๆดีกว่า

ไอ้ลูกชายรีบพูดอย่างรู้ใจ เพราะครอบครัวป้า เป็นครอบครัวประเภทลด  50%  หรือลด  เศษ ¼  ยิ่งสินค้าหรือบริการไหนวิ่งตามลดตามแจกครอบครัวนี้ชอบมาก  พอลูกชายเห็นด้วย ป้าก็นั่งกดหาที่เที่ยวและหาสถานที่ๆลดราคา  นั่งกดหาจนตาดำเป็นหมีแพนด้า  หาไม่เจอเลย จนกระทั่งเห็นป้ายประกาศลดราคาแบบสะบั้นหั่นแหลกแบบซื้อ  1  แถม  1 ถูกใจมาก ป้ายเขียนว่า

***  SAMEDAN สวยมาก จ่ายค่าพัก 1 คน  หิ้วคนติดตามฟรีได้อีก  1  คน  รวมที่พัก  อาหารเช้า และ อาหารค่ำมื้อแรกฟรี(ทั้งคนพักและคนตาม 

มีอ่างอาบน้ำ  ทีวี   ตู้เย็นในห้อง (วิวฟรี)  ราคาแค่  CHF 159  (4770 บาท)  3 วัน  2คืน ****

   

ป้าดีใจมากที่เจอรายการแบบนี้ เพราะเหมาะสำหรับคนโลโซแบบป้ามาก  ที่ต้องนั่งกดตัวเลขบวกลบคูณหารทั้งคืนตกลงป้าจัดการจองโดยไม่ให้ลุงรู้ คิดว่าวันเกิดแกจะทำอะไรให้แกตื่นเต้นสักหน่อย  อยากให้แกได้พักผ่อนหายเครียดจากการเจ็บป่วย  นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ป้าสะเออะมาจัดทัวร์กระปรกกระเปลี้ยแบบโลโซขึ้นมาและจัดแบบหูหนวกตาบอดไม่รู้จริง

Copyright © 2003 Pallswiss All Rights Reserved