ตอน7 <<<< การรวมตัวของแคว้นต่างๆ >>>
ปี 1291 จักรพรรดิ Voegte Albrechts ปกครองบ้านเมืองแบบบ้าอำนาจอวดความเป็นใหญ่คนเกลียดไปทั่ว ผู้คนช่วงนั้นล้วนแต่ยากจน ทุกคนต้องหาเลี้ยงตัวด้วยลำแข้งตัวเองต้องเข้าป่าเอาธนูยิงสัตว์เอามีดขว้างถีบต่อยเตะสัตว์ ,เลี้ยงสัตว์ และตกปลาไปตามเรื่อง แต่ละคนเมื่อโดนบังคับขูดทุกอย่าง...ก็ไม่สบอารมณ์โก๋ต่างพากันส่องสุมต่อต้านสู้รบแบบไม่ให้จักรพรรดิรู้ตัวแต่ก็ทำไปอย่างงันแหละถ้าขืนรู้ก็เดี้ยงซี และยังหาผู้นำดีๆไม่ได้ลักษณะแบบนี้ไม่รู้เหมือนประเทศอะไร และคงจะเหมือนตอนสส.เข้าสภาถกเถียงกันแต่ไม่ยอมทำ พอเอาจริงเอาจังก็หายหัวจ๊อยไปตามๆกัน คนที่เก่งจริงๆจะเงียบขรึมสุขุมมาดแมนแต่จะไม่พูด เขาถึงบอกหมาเห่าไม่กัดแต่ถ้าหมากัดคือหมาไม่เห่า ดูเถอะคนเก่งๆมาดลึกๆนี่ระวังไว้ไม่ว่าสมัยไหนเหมือนกันหมด ช่วงนี้จะเกิด พระเอกฮีโร่(อ่านให้ดีๆ)ของสวิตเซอร์แลนด์คนนี้คือWilhelm Tell Wilhelm Tell
Wilhelm Tell ตามตำนานที่เล่ากันมาเป็นผู้ที่เอาธนูยิงผลแอปเปิลบนหัวลูกชาย หนุ่มห้าวคนนี้ดังมากจนถึงทุกวันนี้ คนนำมาสร้างเป็นรูปปั้นไว้เป็นที่ระลึกและมีคนเอาประวัติมาสร้างเป็นหนัง ป้าชอบมากหนังที่ดูเป็นหนังที่จะเริ่มทำเป็นหนังสีไม่กี่ปี พระเอกหน้าตาขรึมมาก มีหนวด จะมีที่ยิงธนูติดตัวใส่เสื้อที่เป็นหมวกเอามาโพกหัวตอนหลบคน และทุกวันนี้เขาจะเอามาแสดงละครให้คนชมแบบโอเพ่นแอร์ช่วงหน้าร้อนใครจะมาดูต้องแต่งตัวให้ดีๆไม่งันลมพัดเปิดแล้วจะวุ่นน่าดู นี่ถ้าWilhelm Tellไม่โดนบังคับให้มายิงแอปเปิลบนหัวลูกชายสงสัยจะยังไม่ช่วยต่อสู้หรอกหรอกเอาไว้จะเล่าทีหลัง เมื่อกดดันมากๆ 3 แคว้นต่างทนไม่ไหวก็ก็เลยเป่าปีตีกลองประชุมแบบผู้ใหญ่ลี
มาประชุมตกลงจับมือกัน เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 1291 ซึ่งมีแคว้น Uri , Schwyz และ Unterwalden เป็น 3 แคว้นแรกที่รวมกัน ใช้สถานที่ เห็นในรูปข้างบนบทนำเรื่องและภาพข้างล่างนี้ สถานที่นี้ชื่อว่า Ruetli Ruetli อยู่ที่ Kanton Uri
สถานที่นี้อยู่ติดทะเลสาบ Vierwaldstaettersee
เป็นทะเลสาบที่สวยมากมี แม่น้ำใหญ่ชื่อแม่น้ำ Reussไหลผ่านแม่น้ำสายนี้ยาวประมาณ 158 กม.ต้นกำเนิดมาจาก ต้นกำเนิดมาจากGotthardpass และFurkapass ระดับความสูง 2430 ระดับน้ำทะเล ที่เอ่ยมาทั้งหมดสวยมาก และป้าไปเดินเขาแถบนี้มาหมดแล้ว
คำว่า Vierwaldstaetter ภาษาสวิสนี่หมายถึง 4 Kantoneอันมี 1.Kanton Uri ผู้นำทั้ง3แคว้น อันมี Walter Fuerst, Werner Stauffacherและ Arnold von Melchtal ต่างจับมือสาบานกันว่า “เราจะรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันปองดองรักกันเหมือนพี่น้อง ไม่ว่าจะมีอันตรายใดๆเกิดขึ้นเราจะไม่แยกจากกัน เราต้องการความเป็นอิสระแข็งแกร่งอดทน เหมือนพ่อและจะปกครองด้วยความยุติธรรม” นี่คือจุดเริ่มต้นของ Schweizerischen Eidgenossenschaft สวิตเซอร์แลนด์ ปี 1315 – ปี 1388 หลังจากที่ 3แคว้นได้รวมกำลังกันแล้ว มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายพวกแคว้นอื่นๆต้องสู้รบกับ ดยุคของออสเตรียและกองทัพของประเทศอื่นๆเหมือนเนื้อสันร่วงลงดินแล้วแล้วถูกหมามารุมแย่งกัน.....บักโกรกมาก ปี 1648 – ปี 1712 เกิดปัญหาเกี่ยวกับคริสต์ศาสนาแคธอลิคกับโปเตสแตรน และช่วงนี้ยิ่งกว่าบักโกรกยิ่งกว่าเก่าอีก ปี 1789 ถึง ปี 1799 เป็นช่วงที่น่าสนใจที่สุดไปดูรูปเก่าๆจะเห็นคนนั่งแบมือแบบอดอยาก ทำหน้าเซ็งๆ บางรูปจะเห็นเขายกขบวนชูไม้ตะพด จอบ เสียม เดินขบวนไปทั่ว เป็นช่วงคนฝรั่งเศสร้องเพลงโด เร มีประท้วงกษัตริย์เขาเมื่อวันที่14 Juliเขาเลยให้เป็นวันชาติฝรั่งเศสไป ขี้เกียจเขียนแล้ว ขืนเขียนสงสัยป้าคงตาดำและเขียวแน่เพราะเริ่มมั่วเละตุ้มเปะ และเชื่อว่าไม่มีคนอ่านหรอก ประวัติศาสตร์ไทยเรายังโดดร่มกันเป็นแถว ป้าเองก็โดดจนตูดเขียวเพราะครูแกเอาไม้มะยมมาฟาด ขนาดลอกข้อสอบเพื่อนยังสอบตก เพื่อนมันลอกคำตอบผิดหน้าพอด่ามันก็เถียง เซ็งเพื่อนพอมามีผัวก็เซ็งผัวต่อ.... อยากจบไวๆอยากเขียนพาเที่ยวเต็มแก่แล้ว
Tuilerien attack เมื่อ 10 สิงหา 1792 เป็นปีแห่งความสูญเสียมาก ช่วงนั้นทหารสวิสใครๆก็อยากได้ไปช่วยรบ ทหารพวกนี้เลยรับจ๊อบรับจ้างไปช่วยรบ แหมจ่ายเงินมากๆทำไมคนจะไม่ชอบ พระเจ้าหลุยส์ที่16ได้จ้างทหารสวิสไปเป็นยามป้องกัน Tuilerien ที่ Parisของพระองค์ เพราะทหารสวิสเก่งมาก กล้าหาญ แกร่งอดทน ทหารสวิสได้สู้รบปกป้องพระเจ้าหลุยส์ที่ 16จนล้มตายไปหมดทุกคนจำนวน 850 คน เขาเลยเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่แสดงถึงความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของทหารหาญกลุ่มนี้มาสร้างเป็นอนุสาวรีย์บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ให้คนระลึกถึงเมื่อปี 1821 ที่ Luzernใครไปจะ เห็นรูปสิงโตนอนท่าหนีบน้องชาย หมดอาลัยตายอยาก อ้าปากพะงาบเล็กน้อยแบบหมดแรง นอนระทวยกอดโล่ ยาวประมาณ 9 เมตร ผู้สร้างเป็นชาวเดนมาร์คชื่อ Bertel Thorwaldsen เขาว่ากันว่าสิงโตเป็นสัตว์ที่แสดงถึงความแข็งแกร่ง และเป็นเจ้าแห่งสัตว์เลยเอามาสร้างให้ทหาร.....ของป้าให้รู้ถึงความแข็งแกร่งเหมือนสิงห์โต อนุสาวรีย์แห่งนี้เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกใครๆก็อยากมาดู
ช่วงปี1798 ภายในสวิตเซอร์แลนด์จะวุ่นวายมากเกี่ยวกับระบบการปกครองแบ่งแยกความคิดเห็นกัน และวุ่นวายมาก ระยะเวลาช่วงนี้มีคนดังรู้จักกันทั่วโลกJohann Heinrich Pestalozzi
เป็นคนที่ตั้งมูลนิธิ Pestalozzi เมื่อปี 1775 ช่วยเหลือเด็กข้างถนนที่น่าสงสารได้ 50 คน แกต่อสู้น่าดูเลยเพื่อเด็กๆให้ได้รับการศึกษาทุกอย่าง คนเคยเอาประวัติของแกมาสร้างเป็นหนังยาวมากป้านั่งดูรู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้าง ไอ้คนนั่งแปลหลับคาโซฟาหัวห้อย ดีว่าน้ำลายไม่ไหลยืดแต่กรนสนั่นหวั่นไหวจนฟังไม่รู้เรื่อง...แต่ถึงไม่กรนก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี น่าเบื่อมากแหมจะให้แปลสักหน่อยมัวไปเฝ้าพระอินทร์สงสัยไปเหล่นางฟ้ามากกว่า ป้าเลยต้องนั่งดูคนเดียว มูลนิธิอันนี้ปัจจุบันยังคงมีอยู่นะ และเขตที่ป้าอยู่ก็มีถนนชื่อนี้ด้วยเขาเอาชื่อแกมาตั้งเพื่อรำลึกถึงความดีของแก
ช่วงหลังจะมี Napoleon Bonaparte เข้ามาเกี่ยวข้อง อีตานี่สงสัยคงจะทะเลาะกับเมียบ่อยเลยเก็บกดชอบเอามือไปปิดพุงกะทิลองดูรูปทุกรูปซีจะมีแต่รูปปิดพุง แกบ้าอำนาจมากนะ คนบ้าอำนาจนี่พวกมีปมด้อยเลยระบายออก พวกนี้จะเก่งมากแกบุกมายึดเมืองป้าและขนเอาสมบัติไปมากเลย ช่วงนี้คนอดอยากหน้าซีดหิวมาก และเกิดไข้ทรพิษคนตายไปมาก เคยดูหนังที่เขาเอามาสร้างน่าสงสารมากเลยคนตายทีหมดหมู่บ้าน ป้ายังจำได้ตอนป้ายังเล็กมาก หมู่บ้านป้าที่เมืองไทยเป็นโรคนี้กัน เขาต้องเอาใบตองมาปูให้นอนแล้วเอาน้ำมันทาไม่ให้หนังติดใบตอง Napoleon Bonaparte ตอนมายึดสวิสเซอร์แลนด์ก็จัดการระบบการปกครองใหม่ แกใหญ่มากช่วงนี้โอ๊ยเลือดสาดกระจายไปทั่วแบบหนังจีน แกรบกับเขาไปทั่วไม่ว่าเยอรมัน เบลเยี่ยม สวีเดน ฯลฯ ต่อมาปี 1803 จะเป็นช่วงที่ Napoleon Bonaparte พาทหารบุกรัสเซีย หน้าหนาวที่รัสเซียโหดมากใครห้ามขี้ห้ามเยี่ยวเลยเพราะยังไม่ทันจะขี้เสร็จเยี่ยวเสร็จแข็งไปเสียก่อน มาจ้างทหารสวิสไปช่วยรบ 16000คน ทหารสวิสไปช่วยแค่ 9000 คนสงสัยเมียคงมากอดขาเพราะเป็นหน้าหนาวเลยไม่ได้ไปด้วยและคงจะเพิ่งจะข้าวใหม่ปลามัน พวกทหารสวิสที่ไปช่วยรบคงแต่งงานมานานเมียมากอดขาก็ไม่สนใจ ดีนะที่ลุงกับป้าไม่ได้อยู่ในช่วงนี้ไม่งันลุงแกคงไปกับเขาด้วยแล้วแบบเซ็งเมียแกสุดขีด
ปี1812 Napoleon Bonaparte แพ้สงคราม ทหารสวิสตอนกลับบ้าน นับกันไปนับกันมากลับมาแค่700คนเองจากจำนวน 9000 คน ช่วงนโปเลียนแพ้สงครามป้าสันนิษฐานเองนะว่าที่แพ้เพราะมัวเด็ดน้ำแข็งออกจากตัว หลังจากปี 1812ช่วงนี้วุ่นวายมาก ช่วงนี้สวิตเซอร์แลนด์บ้านป้าก็ถือโอกาสประกาศตัวเป็นกลางไม่ขึ้นกับใคร ป้าเคยไปดูพระราชวังของนะโปเลียนกับโยเซฟินที่ฝรั่งเศสมาแล้วตอนที่แกยังไม่ดัง วังแกอยู่นอกปารีสไปอีก วังที่ว่านี่ชื่อ FONTAINEBLEAU
จำได้ไม่ลืมเลยเพราะนกยูงมาจิกป้าไอ้พวกเด็กๆดีใจกันใหญ่ที่นกมาจิกแม่ เห็นไหมลูกป้าแววมันออก FONTAINEBLEAUวังนี้สวยมาก เมื่อ Napoleon Bonaparte แพ้สงคราม มีการเปลี่ยนแปลงมากมายในยุโรป จะขอข้ามไปไม่กล่าวถึง.....ถ้าให้ป้าเขียนเล่าสงสัยป้าคงกลับบ้านเก่าไว.......เพราะผัวด่าจนหัวใจวายคาคอม และอีกอย่างเข็ดแล้วไม่อยากหากินทางนี้ให้คนเก่งๆมาเขียนดีกว่าเพราะคนเล่าชักเริ่มมั่วแล้ว มากล่าวถึงประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากที่ 3 แคว้น Uri , Schwyz และ Unterwalden จับมือร่วมกัน เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 1291 เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย
ปี
1332 Luzern
เข้ามาจับมือร่วมขบวนการด้วย ช่วงหลังจะเริ่มมี Kantone เพิ่มขึ้นป้ายังจำได้เมื่อปี 1978 ช่วงนี้ Jura วุ่นวายมาก กลุ่มหนึ่งอยากขึ้นกับBern อีกกลุ่มหนึ่งอยากเป็นอิสระโอ๊ยไอ้พวกที่อยากแยกบางคนมันบ้าคลั่งมาก มาวางระเบิด พังรูปปั้นนี่น่าเสียดายมากเลยเป็นของเก่ามาก เป็นรูปผู้หญิงปิดตาถือที่ชั่งความยุติธรรมที่เห็นอยู่ทุกวันนี่ของปลอมนะเขาสร้างมาแทนนี่ มันทุบไปด่าBernไปและป้าเสียดายสะพานแถว Buerenมากมันเอาไฟจุดเผาสะพานนี้เก่าแก่ที่สุดมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มาก Bern เลยอนุญาติให้แยกตัวจะได้สมใจคงจะเซ็งที่Juraทุบแล้วเราต้องมานั่งซ่อม เลยให้แยกแต่ไม่ได้แยกหมดมีบางส่วนขึ้นอยู่กับBern นี่พอแยกไม่เท่าไรอยากจะกลับมาเข้ากับBern อีก Jura บางแห่งน่าสงสารมากป้าไปเที่ยวบ่อย ไปกินอาหารกลางวันกัน ทิวทัศน์สวยมากคนไทยน้อยคนจะรู้จักแถวนี้เพราะมัวแต่วิ่งตามทัวร์ที่เขาจัดขึ้นจัดพาไปเที่ยวตามสถานที่ใหญ่ๆ Kantone ในสวิตเซอร์แลนด์ถ้าไม่นับที่แยกตัวออก จะมี23 KANTONEแต่ถ้านับรวมกันจะมี 26 Kantone ดูรูปข้างล่าง
ถ้านับแบบนี้จะได้ครบ26 Kantone
|
Copyright © 2003 Pallswiss All Rights Reserved |
||