ขอคำปรึกษาเรื่องลูกจะไปเรียนที่สวิสกับ่าครองชีพ

Previous topic - Next topic

เอ

สามีต้องไปประจำที่บราเซิล 2ปี ทางบริษัทอยากให้ภรรยากับลูกไปด้วยแดยเช่าบ้านให้ และออกค่าเรียนของลูกให้ แต่ถ้าเอไปด้วยก้ต้องออกจากงานที่เมืองไทย เสียรายได้ไปพอสมควร พอคิดว่า เงินที่บนิษัทจะให้เป็นค่าใช้จ่ายต่อเดือน 2500 ฟรังน่าจะเหลือเก็บกลับมาเมืองไทย ก็มีคนบอกว่าที่สวิสค่าครองชีพแพงมาก ไม่เหลือกลับมาแน่นอน ก็เลยไม่อยากไปเพราะเสียดายรายได้ที่ต้องทิ้งไป อยากขอความคิดเห็นค่ะ
 แฟนอยากให้ไปด้วยเพราะอยากให้ลุกไปเรียนที่สวิส แต่ดดยส่วนตัวคิดว่า ตอนนี้ลูกอยู่ อ.2 ภาษาไทยก็ยังเขียนไม่เก่ง ถ้าไปเรียนที่สวิส ก็ต้องใช้เวลาปรับตัวกับภาอังกฤษ พอจะเก่งก็ต้องกลับเมืองไทยแล้ว ก็กลัวว่าลูกจะสับสน และที่สำคัญ ช่วงที่กลับมาเป็นช่วงที่ต้องเข้าป.1 แต่เช็คแล้วกลับมาไมทันสอบ เพราะตั้งใจว่าจะให้ลูกเข้ากรุงเทพคริสเตียน ถ้ากลับมาสอบไม่ทันก็อาจจะต้องเรียซำอีก1ปี  
 อยากขอความคิดเห็นจากคนอื่นบ้างค่ะ
 เอ

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0575 ห้อง pallswiss (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

blacktea

อ้าว....ขออภัยที่เดินชนสวนกันกับคุณเอ
 ดีค่ะ...เอาตรงนี้เลย เห็นชัดๆ จะๆ ไปเลย
 
 ค่าครองชีพ หรือค่า ประคองชีวิตให้รอด ในสวิสเซอร์แลนด์
 แพงระยับ มหาโหดเลยค่ะ
 ชาดำไม่มีรายได้จากการทำงานนอกบ้าน
 แต่มีรายได้จากการเป็นแม่บ้าน
 ไม่มีรายจ่ายที่ต้องรับผิดชอบ
 แต่เท่าที่เห็นพี่บิลลี่ทั้งหลาย (บิลค่าใช้จ่าย)
 เป็นตัวเลขเยอะๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ
 
 ก่อนป้าและคนอื่นมาคุยด้วย คุยกับชาดำไปก่อนนะคะคุณเอ
 
 2500 ฟรังค์สวิส จะว่าไปก็เยอะ (ถ้าคูณเป็นเงินบาท)
 แต่ที่นี่ไม่ได้ใช้เงินบาท เลยถือว่าไม่ได้มากอะไรเลย
 เอาให้เห็นชัดๆ นะคะ  
 
 ชาดำอยู่กับแฟนแค่ 2 คน
 บ้านไม่ได้เช่า ไม่มีภาระหนี้สินกับธนาคาร
 ซื้ออาหารและของใช้ทุกวันเสาร์ ประมาณ 200 ฟรังค์
 อาหารไทย เฉลี่ยตกสัปดาห์ละ 70-100 ฟรังค์  
 ต่อเดือน ค่าอาหารและสบู่ยาสีฟัน ประมาณ 1200 ฟรังค์
 ยังมีค่าประกันสุขภาพที่ต้องจ่ายอีก ต่อคนเดือนละ 360 ฟรังค์
 สองคน ก็ 720 ฟรังค์ต่อเดือน
 ซึ่งประกันสุขภาพ จำเป็นมากๆ ว่าต้องมี
 ถึงแม้จะอยู่แค่ 3 เดือนก็ตาม
 การเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่รู้ว่าจะถามหาวันไหนล่ะค่ะ
 ค่าตั๋วรถไฟ  ค่าของใช้ส่วนตัว  
 พวกครีมหน้าเด้ง และน้ำยาลบรอยทีนกาทั้งหลาย
 ไม่ได้รวมอยู่ในรายจ่ายที่เล่ามานะคะ
 
 ยิ่งถ้ามีเด็กด้วย ก็ต้องมีรายการสันทนาการสำหรับเด็กๆ เพิ่มอีก
 ที่นี่มี 4 ฤดู แต่ละฤดู ของใช้และกิจกรรมของเด็กๆ จะต่างกัน
 ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า อุปกรณ์ของเล่น ก็ต้องผลัดเปลี่ยนไปตามฤดูกาล
 
 ยิ่งเขียนยิ่งหน้ามืด ไม่อยากมีลูกเลย
 ขนาดอยู่กันสองคนก็ยังต้องรัดเข็มขัดจะไม่ไหว
 
 เดี๋ยวรอคนอื่นมาเล่าต่อนะคะ  
 แต่ขอฟันธงไปก่อนว่า 2500 ฟรังค์ ไม่พอสำหรับ 3 คน
 
 
 
 
 

pall

สวัสดีจ๊ะบี
 มาขำแม่บ้านสวิส....รุ่นใหม่...
 อ่านแล้วต้องนั่งอมยิ้มไปมา...ที่ยิ้มเพราะเขียนได้ละเอียดสุดๆ..
 นี่ขนาดยังไม่รวมครีมเด้งทั้งหลาย.....
 ถ้าบีอยู่นานกว่านี้สงสัย...ตอนเหงื่อออกต้องปาดเอาเกลือมาใช้เเน่ๆ
 5555555555555555555
 มีความละเอียดยิบแบบเงิน5รัพพึ่ลหล่น...
 ต้องเอาแบ๊งค์พันสวิสมาจุดหา....
 

pall

สวัสดีจ๊ะเอ
 
 **ขอคุยเรื่องลูกก่อนเพราะมีความสำคัญมาก**
 
 ถ้าถามป้าขอบอกว่าไม่สนับสนุนให้เด็กมาเรียนที่นี่
 ระยะเวลา2ปีไม่นานและไม่ไว
 แต่สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันความรู้สึก
 ค่อนข้างจะนานพอสมควร
 
 ระยะเวลา2ปีสำหรับเด็กที่มาเรียนที่นี่
 เด็กจะมีปัญหาพอสมควร..คือการปรับตัว..
 เรื่องที่สำคัญที่สุดคือภาษา...
 และการเรียนของเด็กครั้งเขาจะรู้สึกลำบาก
 กับหลักสูตรการเรียนในโรงเรียน
 สับสนกับภาษา...เด็กจะเรียนไวหรือช้า
 ขึ้นอยู่กับความพร้อมของเด็ก.....แต่เท่าที่เห็นจากคนรู้จัก...
 ปีแรกจะเป็นปีที่เด็กสับสนมาก...
 จะเกิดความรู้สึก(โฮมซิค)...และเบื่อหน่าย..ไม่ค่อยากไปเรียน
 การเรียนไม่ค่อยได้ผล...ผลการเรียนต่ำมาก...
 (ไม่ใช่ทุกคนนะแต่บอกอย่างเป็นกลาง)
 เด็กจะสับสนกับชีวิตความเป็นอยู่และภาษา...
 พอเด็กเริ่มจะคุ้นหรือปรับตัวได้
 ก็ต้องย้ายกลับมาเมืองไทยแล้ว..
 ถ้าเด็กจะเข้าเรียนก็ต้องเป็นโรงเรียนนานาชาติเท่านั้น
 ซึ่งเป็นโรงเรียนที่จัดไว้สำหรับลูกคนต่างชาติ
 เด็กที่จะเข้ามาเรียนมีหลายชาติหลายภาษา
 (รัฐแต่ละรัฐจะแตกต่างกันไป...)
 และเด็กก็คือเด็ก...ซึ่งยอมมีทั้งเด็กที่มีอุปนิสัยดี
 และไม่ดีซึ่งเป็นเรื่องธรรมดามาก
 ที่เข้ามานักอยู่ที่นี่....อาจจะชั่วคราว...(แล้วแต่ระยะเวลา)
 
 
 **จะเข้าเรียนโรงเรียนของรัฐบาล**
 
 แบบนี้ตัดสิทธิ์ไปเลย...ส่งเด็กมาเรียนคงมีปัญหาหนัก
 ทางโรงเรียนจะสอนภาษาหลักตามรัฐที่อยู่
 คือภาษาเยอรมัน...ฝรั่งเศส....อิตาเลี่ยน...
 
 วิธีที่ดีที่สุดควรให้ลูกอยู่และเรียนที่เมืองไทยจะดีกว่า...
 ถ้าคิดถึงก็ซื้อคาร์ดโทรศัพท์คุยกันราคาคาร์ดจะถูกมาก
 และคุยได้นานหลายชม.
 
 รอคนที่เคยมีประสบการณ์มาช่วยตอบด้วยจะดีกว่า...
 
 นี่คือความเห็นของป้าเท่านั้นจ๊ะ
 

ตุ้ม

คุณเอคะ  การที่บริษัทย้ายให้มาอยู่ที่นี่  เค้าจัดการเรื่องต่อไปนี้อย่างไรคะ
 1 ค่าขนย้ายและถ้าเค้าจ่ายให้เค้าจะแจ้งลงใบภาษีหรือไม่
 2 เค้าจะช่วยออกค่าเรียนภาษาให้(คนเดียวหรือทั้งครอบครัวหรือไม่)
 3 ค่าเรียนโรงเรียนส่วนตัวของเด็กจะออกให้หรือไม่
 4 ภาษีสังคมในระยะ 2 ปีไม่จำเป็นต้องเสียภาษีสังคมของสวิส แต่ควรจ่ายในประเทศไทยเพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง  ทางบริษัทควรจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการทำเรื่องภาษี
 5 ประกันสุขภาพควรจะต่อรองให้บริษัทเป็นผู้ออกให้ เพราะกฎหมายที่นี่ทุกคนจะต้องมีประกันสุขภาพในขั้นต่ำ(ควรเพื่มเช่นห้องพิเศษอยู่คนเดียวและยาที่ไม่อยู่ในรายการ)
 6 มีรถให้ใช้หรือว่าต้องใช้รถสาธรณะคะ
 7 ที่ทำงานมีแคนทีนก็จะประหยัดค่าอาหารเที่ยงได้เพราะขายในราคาถูกกว่าภัตราคาร  อาจจะได้ค่าอาหารถ้าเป็นบริษัทใหญ่ (ไม่ก็ต้องหอบข้าวไปทานเอง)
 8 เงิน 2500 นี้ถ้าเป็นเงินสุทธิ ค่าเช่าบ้านและภาษีไม่ต้องจ่าย และรุ้จักใช้อย่างไม่ฟุ่มเฟือยก็คงจะพอค่ะ
 9 ภรรยาไม่มีสิทธิ์ทำงานค่ะ แต่ถ้าจะหางานที่เป็นองค์การสากลทำได้ค่ะ
 10เด็กทิ้งอยู่บ้านคนเดียวไม่ได้  ต้องมีผู้ใหญ่อยู่ด้วย  อาจจะต้องจ้างคนดูแลเวลาพ่อแม่ออกนอกบ้านพร้อมกัน
 11 ข้อดีของการที่เด็กได้มีโอกาสได้มีประสบการณ์ในการอยู่ต่างประเทศมีผลกำไรมากค่ะ  อย่าคิดว่าลูกจะกลับไปเรียนไม่ทันคนอี่นๆค่ะ  คุณเอไม่ได้ทำงานจะมีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้น ทำไมไม่สอนภาษาไทยน้องเค้าดัวยตนเองล่ะคะ  โรงเรียนอนุบาลเค้าก็ไม่ได้สอนเด็กมากเท่าที่เรามีโอกาสได้สอนลูกหรอกค่ะ  นักเรียนห้องหนึ่งตั้งเป็นสิบ
 
 พอเคร่าๆก่อนนะคะ  ถ้าอยากทราบอะไรเพื่มเติมให้ถามมาค่ะ เดี๋ยวก็มีคนรู้ช่วยตอบให้เองค่ะ

pall

คุยถึงเรื่องค่าครองชีพที่นี่
 อย่าเพิ่งคิดถึงเงินเก็บเลยจ๊ะเอ....
 แค่คิดถึงการกินอยู่ที่นี่ป้าก็มึนหัวแล้ว.....
 ต่อให้เป็นคนที่ใช้จ่ายแบบรัดเข็มขัดจนท้องกิ่ว....
 เงินจำนวนที่เอได้มา...2500 สวิสฟรังก์นี่น้อยมาก...
 คนไทยเราชอบบวก...ลบ...คูณ..หารเป็นเงินไทย
 เลยคิดว่าเป็นเงินก้อนโต...
 ถ้าถามคนที่อยู่ที่นี่จะรู้กันว่า....น้อยมาก....
 ถ้าอยู่คนเดียวโอเค...อยู่ได้.....
 แต่ถ้าอยู่กันหลายคนนี่คิดหนัก......
 
 ชีวิตความเป็นอยู่ที่นี่แพงมาก....
 แต่ความเป็นอยู่...ความสะดวกสบาย...
 เราได้จากที่นี่ดีที่สุด...และดีกว่าหลายๆประเทศ...
 ที่นี่ให้การบริการคนของเขาดีมาก..และสะดวกสบายทุกอย่าง.
 ถ้านำมาเปรียบเทียบกัน...
 
 รายจ่ายที่นับว่าแพงก็คือบ้านเช่า...แล้วแต่จำนวนห้องที่เลือก..
 และย่านที่อยู่....ค่าเช่าบ้านที่นี่แพงมาก....
 บางรัฐถึงกับปาดเหงื่อที่หยดติ๋งๆๆเลย...
 เชื่อไหมเอ....เงินที่เอได้มา...
 บางแห่ง....เป็นเงินค่าเช่าบ้านหมดแล้ว.
 ซึ่งรวมทั้งค่าNebenkostenไปด้วย...
 
 อย่างรัฐบาเซิล...ป้าไม่รู้ว่าค่าเช่าบ้านแพงเท่าไร...
 แต่เคยถามคนที่อยู่แถบนั้นเขาบอกแพง...
 และอยู่กับความเก่าใหม่..หรือระยะทางด้วย....
 
 อย่างที่บีบอกมา...ค่าใช้จ่ายจิปาถะ....ราคาจะสูงพอสมควร.
 
 ค่าอาหาร...ปัจจุบันราคาไม่แพงมากเหมือนสมัยก่อน......
 ถ้าเรารู้จักเลือกซื้อ...ราคาจะแข่งกันขายถูก..แบบลดราคา
 กระหน่ำกันสุดๆ...
 ***แต่ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเรื่องกิน...***
 ก็ยังจัดว่าแพงพอสมควร....
 อย่างป้ากับลุงอยู่กัน2คนไม่มีแขกมากินข้าวบ้าน
 ซื้ออาหารกินแบบลดครึ่งราคาเอามาตุน
 ก็ใช้เงินสูงมาก...เมื่อรวมค่าใช้จ่ายอย่างอื่น...
 พวกค่ารถ..ค่าใช้จ่ายทั่วๆไป...ไม่มีเงินใช้ส่วนตัว...
 จะใช้เงินกันร่วม2พัน....
 
 นี่ยังไม่รวมค่าน้ำ..ค่าไฟ...ค่าโทรศัพท์...และอื่นๆ...
 ที่จะตามแยกมา...
 
 ที่โหดสุดๆก็คือประกันเจ็บป่วย...
 ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต้องมีประกันเจ็บป่วยกันทุกคน
 นี่คือกฎบังคับของที่นี่.....
 
 ไม่ทราบว่าประกันเจ็บป่วยของเอที่ทำไว้ที่เมืองไทย...
 ถ้ามี...จะสามารถนำมาใช้กับที่นี่หรือไม่....
 ถ้าใช้ไม่ได้...บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อยใจมาก...
 

pall

เห็นด้วยกับคุณตุ้มค่ะ
 เขียนได้ชัดเจนดีมาก
 
 ถ้าไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านค่าใช้จ่ายอย่างอื่นจิปาถะ...
 เงินจำนวน2500สวิสฟรังก์
 ถ้าไม่ใช้จ่ยฟุ่มเฟือยก็พออยู่ได้...
 แต่ถ้าต้องใช้จ่ายแทบทุกอย่าง...น่าคิดมาก

blacktea

ใช่ค่ะ....ป้าตุ้มมีคำถามที่เจาะใจ จริงๆ ค่ะ
 หาคำตอบให้คำถามของป้ามตุ้มข้างบน
 แล้วเอาคำตอบมาปรึกษากันอีกทีดีไหมคะคุณเอ
 
 เข้าใจว่า ครอบครัว พ่อแม่ลูก แน่นอนว่า เป็นไปได้ก็อยากอยู่ด้วยกัน
 แต่ต้องดูว่า ความต้องการที่สุดแล้ว คืออะไรด้วยค่ะ
 
 เข้ามาพูดคุย ปรึกษาได้นะคะ ป้าจ๋า และป้าตุ้ม
 มีคำปรึกษาดีๆ คอยแนะนำอยู่ค่ะ

pall

ความคิดเห็นที่ 23
 
 สวัสดีค่ะ พอดีมีความจำเป็นจะต้องไปอยู่ที่สวิส 2 ปี เนื่องจากต้องตามสามีไปประจำที่สวิส แต่ตอนนี้กำลังตัดสินใจว่าจะตามไปดีหรือเปล่าเนื่องจากตัวเองก็มีงานทำประจำอยู่ ก็เสียดาย และทราบมาว่าค่าครองชีพที่สวิสแพงมาก และห่วงเรื่องเรียนของลูกด้วยค่ะ เลยอยากจะขอคำแนะนำและขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ  
 1. เรื่องค่าครองชีพที่สวิส และข้าวของต่างๆจะแพงกว่าที่เมืองไทย กี่เท่า เนื่องจากเกรงว่า รายได้ที่ทางบริษัทสามีจ่ายให้ทุกเดือน จะใช้จ่ายพอดีๆ ไม่เหลือเก็บกลับมาตอนที่เรากลับมาเมืองไทยก็จะลำบาก เพราะทาง เอต้องออกจากงานตามไปก็เสียรายไดไปพอสมควร  
 ค่าอพารตเมนท์ทางบริษัทจ่ายให้ และให้เงินใช้ต่อเดืน 2500 ฟรังก์ คุณป้าคิดว่าพอช้ หรือไ แล้วจะเหลือเก็บบ้างหรือเปล่า  
 2. เรื่องเรียนของลูก ทางบริษัท ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แต่ลูกชายปีนี้อยุ่ อ.2 กลัมาอีก 2ปี เพื่อนรุ่นเดียวกันก็เข้าป.1 กันหมดแล้ว ก้เกรงว่าลูกต้องกลับมาเรียซำ แล้วไปอยู่แค่ 2ปีกลัวว่าลูกจะสับสนเพราะตอนนี  
 
 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำล่วงหน้าค่ะ  
 
 
 
 โดย เอค่ะ   เมื่อ วันจันทร์ที่ 14  มีนาคม 2548, 11:08:26 น.

pall

สวัสดีใหม่อีกรอบจ๊ะเอ.....
 
 ป้าเพิ่งจะแวะไปดูทู้นี้เลยทำให้
 เข้าใจมากกว่าเดิม
 
 
 **ขอตอบคำถามข้อ1...**
 
 ถ้าไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน....
 เงินจำนวน2500 สวิสฟรังก์
 ก็สามารถอยู่ได้ถ้าไม่ฟุ่มเฟือยจนเกินไป
 และบางทีอาจจะมีเงินเหลือเก็บบ้างคงไม่มาก
 อาจจะนิดหน่อย..แต่การเก็บนี้..
 
 **ขึ้นอยู่กับการใช้จ่ายภายในบ้านของเอ...**
 
 แต่ถ้าต้องมานั่งออกอะไรจิปาถะ....
 พวกประกันสุขภาพ..อะไรต่างๆอย่างที่ป้าตุ้มบอกมา
 อาจจะรัดเข็มขัดนิดหน่อย
 
 
 
 
 

tom of swizz




khun A kub yr husband is working in Novartis???
 2500 is would be ok if they pay for a rent BUT 2500fr. is net salary??? dont forget  TAX nakub in Baselcity tax is veryyyyyyyyyyy high,
 basel is the 3rd largest city in swizz and for sure very expensive for everything and if his company pay for the insurance for the whole family it's great bcoz family insurance is abt 1000fr. or more.


blacktea

ค่ะ....พี่ทอมตั้งคำถามที่น่าสนใจเพิ่มอีกแล้ว
 คุณเอ คงจะมีคำตอบในใจนะคะ

บัวขาว

ลูกคุณเออายุเท่าไรค่ะ Kindergarten( โรงเรียนอนุบาล)ที่สวิส ส่วนใหญ่ให้เด็กเข้าเรียนได้เมื่ออายุห้าขวบบริบูรณ์ค่ะ ซึ่งในความคิดตัวเองคิดว่าช้ามาก ก่อนหน้านี้ก็จะมี Spielgroupe (เพกร็ุป) โดยทั่วไปเริ่มสามขวบ ซึ่งต้องเสียเงินเอง สอง ชม. หรือ สาม ชม. สิบฟรัง ค่ะ อาทิตย์หนึ่งก็จัดแค่ ครั้งสองครั้ง  Kindergarten เรียนครึ่งวันเองค่ะ เรียนเต็มวัน วันพฤหัสบดีวันเดียว พอฤดูหนาวก็ไม่มีเด็ก เด็ก ออกมาเล่นข้างนอกซักเท่าไร (นอกจากมีหิมะ) ลูกอยู่แต่ในหอพักก็เหงา เพราะฤดูหนาวที่นี่ ช่วงเดือนธันวา และ มกรา หนาว และ มึดมาก เป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก ถ้าจะเรียน ป.1 ที่เมืองไทย ก็ปูรากฐานที่เมืองไทยจะดีกว่า แค่มาเที่ยวช่วงฤดูร้อนจะสนุกกว่ามาอยู่เยอะเลย

miko

เอาง่ายๆเลยนะอย่างเงินเดือนของ มิโกะ เนี่ย 2400 ค่าบ้านค่าประกันสุขภาพค่าโทรศัพท์และอะไรอื่นๆอีกจิปาทะ ไม่ได้ออกแฟนออกให้หมด พอเงินเดือนออก มิโกะมีหน้าที่เดียวที่จะต้องจ่ายคือค่ากับข้าวทุกอาทิตย์ เดือนหนึ่งจ่ายสี่ครั้งๆละร้อยกว่าฟรังค์ คิดดูมิโกะยังเหลือเงินเก็บเดือนหนึ่งๆไมถึงพันฟรังค์เลย