News:

ยินดีต้อนรับ สู่ Pall Swiss เว็บบอร์ดตัวใหม่

Main Menu

**DREIKOENIGSTAG**

Started by pall, January 03, 2004, 08:51:10 AM

Previous topic - Next topic

pall




 
 
 **วันกษัตริย์สามพระองค์***
 
 **วันที่ 6มกราคม**
 
 เป็นวันสำคัญที่ชาวคริสต์ทุกคนทราบกันดี  
 วันที่กษัตริย์สามพระองค์นำของขวัญนำมาถวายแด่องค์พระเยซู
 เช่น Weihrauch(พวกกำยานมีกลิ่นหอมมาก)
 Gold (ทอง)   Myrrhe(ชันหอม)  
 

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0122 ห้อง pallswiss (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

pall




 
 
 **วันที่ 6  มกราคม**
 
 ไม่เกี่ยวกับกษัตริย์ทั้งสามพระองค์เลย
 แต่วันนี้พวกเด็กๆและผู้ใหญ่โนะเนะทั้งหลายชอบกันมาก
 เพราะจะมีการคัดเลือกวัดดวงว่าใคร
 จะได้รับเลือกเป็นพระราชาและราชินี
 ทุกปีที่สวิตฯเราจะมีพระราชาราชินีเต็มไปหมด
 
 และอีกอย่างปีหนึ่งมีหนเดียวที่จะได้กินขนมปังรสหวานอร่อย
 และมีความหมายแบบนี้  ขนมปังแบบนี้เราจะเรียกว่า
 **DREIKOENIGSKUCHEN**
 **ขนมกษัตริย์สามพระองค์**
 
 พวกเด็กๆจะรอคอยวันนี้กันแบบคงอยากสรวมมงกุฎกันมาก
 ลูกชายป้าสองคนมันจะนับวันที่....ทุกวัน....อยากให้ถึงวันนี้ไวๆ
 ยิ่งลูกชายคนโตของป้ามันชอบกินมากขนมปังแบบนี้มาก
 และอีกอย่างมันเป็นคนงกกินเรียกว่าตระ*ลป้าที่เริ่มสร้างใหม่
 คือตระ*ลของลุงถ้าใครเชิญไปไหนไม่ต้องกลัวของเหลือ
 สามพ่อลูกกินกันเก่งและจุมาก  บ้านป้าจะไม่มีคำว่า
 ของเหลือต้องเททิ้งให้หมางาบ  เพราะกินจนขูดก้นหม้อเลย
 ดีนะที่หม้อไม่ทะลุ  
 
 **วันที่ 6  มกราคม**
 
 ขนมที่เห็นในรูปข้างล่างจะมีเครื่องหมายราชาอันละ1องค์
 วันนี้ที่อื่นเขาจะมีราชาแค่คนเดียว
 แต่บ้านป้าถ้าคนไหนหาเครื่องหมายเจอ
 อีกคนแทบจะตีกันตาย  
 ตกลงต้องให้สรวมมงกุฎกันสองคนตัดปัญหาไป
 สองคนมันจะยิ้มย่องผ่องใสกันทั้งวัน  
  เวลาทะเลาะกันยิ่งหนักใหญ่
 เพราะต่างคนต่างเป็นพระราชา
 
 
 

pall




 
 
 **DREIKOENIGSKUCHEN**
 
 ประวัติของขนม**กษัตริย์สามพระองค์**
 
 ชาวโรมันเก่าแก่เป็นต้นตำรับทำขนมแบบนี้
 ทำเพื่อถวายแด่พระเจ้าSaturn ผู้ดูแลคุ้มครอง
 พวกพืชพันธัญญาหารได้ผลอุดมสมบูรณ์คนอยู่กันไม่อดอยาก  
 การถวายสักการะขอบคุณต่อท่าน
 ก็คือการทำขนมที่ทำมาจากแป้ง  
 การถวายเครื่องสักการะจะทำกันฤดูหนาว
 และจะจัดงานฉลองกันทั้งหมดทั่วทุกหมู่บ้าน
 
 วันนี้จัดว่าเป็นวันที่ทุกคนมีความเสมอภาคและมีอิสรเสรี
 พวกทาสทั้งหลายจะได้สิทธิเป็นพิเศษ
 และมีสิทธิได้ร่วมฉลองกับงานรื่นเริงแบบนี้ด้วย  
 
 การฉลองงานรื่นเริงแบบนี้ได้มีการจัดการละเล่นที่ยิ่งใหญ่
 และสนุกมากคือการใส่เครื่องหมายลงในขนมที่ทำ
 เครื่องหมายนี้ถ้าใครได้รับจะได้รับสิทธิพิเศษ
 และได้เป็นพระราชาแต่เป็นพระราชาแค่วันเดียว
 วันนี้คนที่ได้รับแต่งตั้งจะสามารถทำอะไรหรือออกคำสั่ง
 ได้ทุกอย่างเทียบเท่าพระราชาจริง............
 ถึงจะเป็นพระราชาแค่วันเดียว...แต่ก็คุ้มมาก.........
 
 พวกทาสทั้งหลายในยุคนั้นต่างก็มีสิทธิไปเลือกด้วย
 ถ้าหาเครื่องหมายนี้เจอก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นราชาทันที  
 วันนี้ถึงได้กล่าวว่าเป็นวันที่มีสิทธิเสมอภาคกัน
 ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ
 
 **เครื่องหมายที่ใช้ใส่ลงไปในขนม DREIKOENIGSKUCHEN **
 
 ชาวโรมันจะเอาเม็ดถั่วใส่ลงไปในขนม  
 ยุคนั้นยังไม่มีรู้จักเซรามิคหรือรูปพลาสติกอะไร  
 วิธีเดียวที่ทำได้คือการใช้เม็ดถั่ว
 และเม็ดถั่วต้องไม่ใหญ่ด้วยเพราะคนเลือกจะใช้นิ้วกดหา
 การหาแบบนี้หายากมากต้องโชคดีจริงๆจึงจะเจอ
 การใช่ถั่วใส่ลงไปทำให้รสชาติของขนมไม่เปลี่ยนแปลง
 
 การเรียกชื่อยุคชาวโรมันยุคนั้นจะเรียกราชาแบบนี้ว่า
 **BOHNENKOENIG**  พระราชาถั่ว
 ต่อมางานพิธีฉลองรื่นเริงแบบนี้ได้แพร่ขยายเข้ามาสู่ยุโรป
 ปี 1311 สวิตเซอร์แลนด์ได้ฉลองและมีการจัด
 **DREIKOENIGSTAG**กับเขาด้วย
 

pall




 
 
 สมัยก่อนคนจะใช้เครื่องหมายทำด้วยเงินใส่ลงไปในขนม
 ต่อมาปี 1850  คนเริ่มเปลี่ยนแปลงเครื่องหมายที่ใส่ลงไปในขนม
 เป็นเซรามิค  และพอย่างเข้าปี1950  ก็ใช่พลาสติกทำเป็นรูปราชา
 ใส่ลงไปและเครื่องหมายอันนี้ใช้กันจนถึงทุกวันนี้
 
 
 อีกไม่กี่วันจะถึงวัน**DREIKOENIGSTAG**แล้ว
 เราจะได้กินขนมปังอร่อยๆแบบนี้อีก
 และเราจะได้มีราชากับราชินีในบ้านเรา
 ขอให้ทุกคนฉลองและสนุกกับงานต้อนรับราชาราชินี

pall

 
 
 **DREIKOENIGSKUCHEN**  
 **เครื่องปรุง**
 
 
 แป้ง500กรัม
  ยีสต์      ½  อัน
 นมสด   ¼ ลิตร  
 เนย ( Butter)หรือ Margarine 50กรัม
  ลูกเกดองุ่นแห้ง  100Gramm  
  ไข่ไก่ 1ฟอง  
  ไข่แดง  1 ฟอง
 น้ำตาลทราย   5  ช้อนชา
 ช็อกโกแลต1  ก้อน(หรือจะใช้เครื่องรูปกษัตริย์พลาสติกแทนก็ได้)
  ครีม  1  ช้อนโต๊ะ
  เกลือ   1 ช้อนชา
 
 **วิธีทำ**
 
 1.นำยีสต์มาใส่จานใส่นมสดลงไป1ช้อนโต๊ะบดให้เหลว
 2.นำเนยไปใส่ในหม้อตั้งไฟให้ละลายใส่นมสดลงไป
 คนให้เข้ากันแล้วยกลง
 3.นำแป้งมาใส่ชามใหญ่ใส่เกลือลงไปผสมให้เข้ากัน
 แล้วใส่เนยกับนมที่ผสมกันไว้มาเทใส่ลง
 4.นำไข่กับน้ำตาลมาตีให้เข้ากันแล้วเทใส่ลงไปในชามแป้ง
 และใส่ยีสต์สดลงไป
 5.นวดแป้งไปมาประมาณ 10 นาที
 และใส่ลูกเกดหรือองุ่นแห้งลงใต้แป้งนวดให้เข้ากัน
 6.พอนวดครบ 10 นาทีแล้วเอาผ้าคลุมเอาไปตั้งในที่ให้ความอุ่น
 เพื่อให้แป้งฟูปล่อยทิ้งไว้  20 นาที
 7.เอาSpringformที่เราจะใช้อบที่มีขนาด 20-25  ซม.
 เอาเนยมาทาให้ทั่ว
 8.เอาแป้งที่เราคลุมไว้ออกมานวดปั้นแบ่งออกเป็น5 ก้อน
 9.ปั้นเป็นกล้อนกลมลูกแรกวางใส่ตรงกลาง
 ลูกต่อๆไปเอามาใส่ลงให้หมดจนเต็มSpringform
 
 **ช็อกโกแลตหรือรูปกษัตริย์พลาสติก
 อย่าลืมเอาใส่ลงในก้อนแป้งก้อนใดก้อนหนึ่ง**
 
 10.นำครีมมาตีกับไข่แดงให้เข้ากันและนำไปทาลงบนแป้ง
 ที่ปั้นไว้ให้ทั่วแล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที
 11.เปิดเตาอบด้วยความร้อนประมาณ 200 องศา
 อบประมาณ 40 นาทีเป็นอันว่าเสร็จ
 เอาลงออกจากเตาอบ
 
 **เป็นอันว่าวันนั้นถ้าใครได้เจอสัญลักษณ์แบบนี้
 เรายกให้เขาบงการเราได้แต่เพียงแค่1วัน**
 
 

นี่นะ

แปลกนะคะที่วัฒนธรรมของโรมันไปไกลถึงสวิสเซอร์แลนด์ อันนี้เป็นอะไรที่น่าคิด .... น่าสนใจ แสดงว่าที่สวิสเอง ก็คงจะมีพวกกรีกโรมันอยู่กันไม่น้อยเลยทีเดียวใช่ไหมคะป้า

pall

 
 ไม่น่าแปลกใจเลยจ๊ะนี่นะเพราะว่าโรมันเข้ามาปกครองสวิส
 ร่วม 400 ปีเราได้รับวัฒนธรรมของชาวโรมันเต็มตัว
 ทั่วสวิตฯเราจะยังเห็นสิ่งก่อสร้างและประเพณีบางอย่าง
 ของชาวโรมันอยู่  ทางเดินสมัยก่อนยังมีอีกมากมายหลายแห่ง
 ที่ Bern ก็มีให้เห็นทั่วๆไป
 
 ใครมาเที่ยวลองมาดูที่ St. Bernhard อยู่แถบรัฐ Wallis
  จะเห็นถนนที่ชาวโรมันมาสร้างไว้เพื่อใช้ในการคมนาคม  
 ที่รัฐนี้ยังคงเหลืออารยะธรรมของชาวโรมันมาก
 
 ใครไปรัฐ Wallisถ้าผ่านอุโมงค์ St. Bernhard  
 จะยังสัมผัสกับกลิ่นไอของชาวโรมัน  
 แถวนี้ขึ้นชื่อมากถึงความสวยงามตามธรรมชาติ  
 ชีวิตความเป็นอยู่ ประวัติศาสตร์   ศิลปวัฒนธรรม  
 และการเดินเขาสวยมากป้าไปเดินมาแล้ว ฯลฯ  
 ยิ่งทางตอนเหนือของWallis จะมีหมู่บ้าน Bourg-St-Pierre, Liddes, Orsières และ Sembrancher  
 คนไปเที่ยวกันมาก และยิ่งถ้าเอ่ยถึง MARTIGNY  
 นี่เป็นที่รู้จักกันดี  เป็นเมืองของชาวโรมันตัวจริงเลย  
 ป้าไปมาหลายหนแล้วแต่ไม่เคยเบื่อ  
 นี่กำลังจะจัดทัวร์ไปดูเขาชนวัวกันกีฬาแบบนี้เป็นของชาวโรมัน
 ที่ถ่ายทอดมาถึงปัจจุบัน
 
 ที่ Avenchesชาวโรมันเข้ามายึดอยู่อาศัย
 ทำเป็นจุดศูนย์กลางของชาวโรมัน  
 พวกนี้จะสร้างกำแพงปลูกล้อมรอบป้องกันข้าศึกให้พวกตัวเองอยู่  
 ช่วงนั้นก็ราวๆประมาณ 5หมื่นคน  
 Avenchesอยู่ไม่ไกลจากบ้านป้าเลยยังเคยพาเด็กไ
 ปมุดใต้กำแพงไปดูส้วม ที่อาบน้ำและสนามกีฬาของชาวโรมันยุคนั้น  เรียกว่า Avenches เป็นของชาวโรมันอย่างแท้จริง
 หลักฐานทุกอย่างหาได้จากที่นี่  นี่คือตัวอย่าง
 การแสดงละครกลางแจ้งของชาวโรมัน
 
 

black tea

สวัสดีค่ะป้าจ๋า นี่นะ สบายดีนะคะ
 เดาว่ารูปข้างบนเป็นป้าจ๋า กับลูกชายใช่ไหมคะ
 ป้าสวยคม สมกับเป็นคนพิจิตรจริงๆ ค่ะ  
 
 ขอบคุณป้านะคะ ที่นำเรื่องราวดีๆ มาเล่าสูกันฟัง
 ชาดำเคยไปเที่ยวปราสาทที่สวิสนะคะ (จำชื่อไม่ได้อีกแล้ว)
 ชาดำชอบดูปราสาทค่ะ ไม่ว่าจะไปเที่ยวประเทศไหนๆ  
 ในรายการทัวร์จะต้องมีทัวร์ปราสาทอยู่ด้วยตลอดเลยค่ะ
 จนเพื่อนๆ พากันแซว หาว่าเราบ้าชีวิตคนโบราณ
 ชาดำประทับใจปราสาทที่สวิสมากค่ะ เห็นได้ชัดว่าคนสวิส
 มีชีวิตกินดีอยู่ดี มาตั้งแต่โบราณ เสียดายชาดำจำชื่อเมืองไม่ได้
 ว่าอยู่เมืองอะไร  ชาดำทึ่งในความสามารถของคนโบราณค่ะ
 ว่าเขาช่างมีความเพียรเหลือเกิน ในการสร้างสิ่งปลูกสร้างมหึมา
 เพราะสมัยก่อนไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือทันสมัย หรือเครื่องทุ่นแรง
 เหมือนสมัยปัจจุบันนี้  แล้วพวกเขาก็ต้องคอยระวังภัยตลอดเวลา
 เพราะทุกปราสาทจะมีพวกอาวุธที่ใช้ในการต่อสู้จัดโชว์อยู่ทุกที่
 ชาดำขอเวลาไปดูรูปเก่าๆ ที่ถ่ายเก็บไว้ เดี๋ยวจะเอามาให้ดูด้วยค่ะ
 

ป้าพร Stockholm

คิดเหมือนน้องชาดำเลย   ป้าจ๋ามีเรื่องราวที่เราไม่ค่อยได้รู้มาเล่าสู่กันฟังเสมอๆ       เข้าห้องป้า มา ก็ได้ความรู้ใหม่ กลับไปทุกที
 
 เห็นสาวพิจิตร ตอนอดิตกาล แล้ว แต่อยากเห็น ตอนปัจจุบัน ด้วย อิ อิ

นิด

อีกแล้ว ป้าจ๋าของเรา อเมซซิ่งจริงๆ มีเรื่องราวดีๆมาเปิดสมองเปิดตา นิดฉลาดก็เพราะป้านี่แหละ แถมตัวกลมกลมกว่าเก่าก็เพราะป้าอีกนะแหละ มีวิธีทำขนมปังให้เราฝึกยุทธอีกแล้ว