News:

ยินดีต้อนรับ สู่ Pall Swiss เว็บบอร์ดตัวใหม่

Main Menu

**ทิ้งของ**

Started by pall, January 16, 2004, 06:39:04 AM

Previous topic - Next topic

pall




 
 
 การย้ายบ้านทุกคนจะมีปัญหามากมาย
 เกี่ยวกับสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ
 ที่ไม่อาจจะนำติดตัวไปได้หมด
 บางคนอาจจะทิ้งหรือแจกจ่ายให้เพื่อนฝูงคนรู้จัก
 หรือบางคนรักพี่เสียดายน้องไม่ยอมทิ้งพยายามเอาไปด้วย
 ค่าขนส่งที่เมืองนอกแพงมากจะคิดเป็นระยะทาง
 จำนวนคนช่วยขน...คิดเป็นชม........หรือ....
 แล้วแต่ข้อกำหนดตกลงกันก่อนการเคลื่อนย้าย....
 แต่ละแห่งและแต่ละบริษัทจะไม่เหมือนกัน
 ย้ายเสร็จก็มีปัญหาตามมาคือต้องทำบ้านให้อยู่ในสภาพ
 เดิมตอนที่เราเซ็นสัญญาก่อนอยู่...........ถ้าสิ่งไหนชำรุดเสียหาย
 เราต้องซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดีเหมือนเดิม..
 แต่ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการอยู่อาศัยด้วย
 และสิ่งของบางอย่างมีอายุตามกฎหมาย
 เราต้องตามให้ทันเขาด้วยไม่เช่นนั้นเราเสียเปรียบเขา
 ต้องจ่ายเงินหน้ามืดแน่ๆถ้าไม่รู้กฎหมาย
 เพราะเจ้าของบ้านหรือคนดูแลบางคนเขี้ยวมาก
 
 ถ้าคนชอบBid ทั้งหลายจะรู้ดี...ฤดูการย้ายบ้านที่นี่
 เราจะมีเป็นช่วงๆ.....และต้องบอกการย้ายล่วงหน้า 3เดือน
 ตามข้อตกลงในสัญญาที่ทำกัน  คนชอบบิดบางคนที่
 ต้องการประหยัดเงินและได้ของดีจากคนที่ย้ายบ้านที่ซื้อของแพง
 และขายประมูลถูกๆ  มักจะรอช่วงนี้มาบิดกัน
 คนขายบางคนขี้เกียจขนของเพราะค่าขนย้ายแพงมาก
 
 ถ้าต้องย้ายไปอยู่รัฐอื่นเลยจัดการเอาลงประมูลจนหมด
 และหาซื้อของใหม่แทนซึ่งประหยัดเวลา....
 ไม่ต้องเครียดจากการย้ายบ้าน......
 
 แต่บางคนที่ย้ายบ้านไม่ได้สนใจกับการขายของแบบนี้
 แต่จะยกบริจาคให้กับสถานที่ต่างๆเช่น
 HEILSARMEE  เพียงแต่เราโทรศัพท์ไปบอกเขา
 ทางHEILSARMEE จะบริการเอารถมาขนของให้เราฟรีทุกอย่าง.....
 แต่ของที่เราบริจาคต้องมีมูลค่าทั้งหมดตั้งแต่ CHF 500 ขึ้นไป
 แต่ถ้าไม่ถึงเขามาขนของไปเราจ่ายช่วยค่าขนส่งเพียงเล็กน้อย
 ถ้าเปรียบเทียบกับการต้องจ่ายสะติคเกอร์ติดของ
 สำหรับทิ้งที่ทางเขตที่อยู่ได้ระบุไว้เราต้องเปรียบเทียบว่าคุ้มไหม
 
 บางคนอาจจะบริจาคของให้แก่Brockenhaus
 คำนี้หมายถึงBrocki -Second-Hand-Kaufhaus
 ถ้าเราบริจาคให้สถานที่แห่งนี้จุดมุ่งหมายพอๆกับ HEILSARMEE
 ของทุกอย่างจะอยู่ในสภาพดีและบางครั้งได้ของใหม่ซิงๆๆ
 คนทำงานให้กับ Brockenhaus
 จะเป็นการทำงานฟรีๆไม่มีการคิดเงินค่าจ้าง
 Brockenhaus จะมีทุกๆรัฐในสวิตฯ
 
 สมัยตอนที่ป้ามาอยู่ใหม่ๆไม่ค่อยมีคนเข้ามาซื้อ
 เพราะต่างคิดกันว่ากระจอกเข้าไปซื้อจะทำให้อับอายขายหน้า
 แต่ปัจจุบันนี้คนเข้ามาซื้อของกันธรรมดามาก
 บางคนแต่งตัวแบบมาดามเลย
 และบางคนทำงานสถานทูตติดป้ายสีเขียว
 
 ใครที่คิดจะย้ายบ้านในอนาคตหรือกำลังจะย้ายบ้าน
 ลองคิดให้ดีก่อนจะทิ้งของไปโดยเปล่าประโยชน์
 การบริจาคของเก่าของเราให้สถานที่เหล่านี้
 เหมือนกับเราได้ช่วยผู้เดือดร้อนทางอ้อม....
 

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0142 ห้อง pallswiss (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

pall




 
 **Papier Sammlung**
 
 หมายถึงการเก็บพวกหนังสือเก่าทิ้ง
 เชื่อไหมหนังสือเก่าๆที่เขาเอามามัดทิ้ง
 บางครั้งหนังสือพวกนี้มีคุณค่ามากที่สุด
 มีคนพบมาแล้วหนังสืออายุเก่าแก่ปี1600
 แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าหลงมาได้อย่างไร
 บางครั้งเราจะเห็นคนไปเที่ยวเมียงมอง
 และไปดึงเอาหนังสือที่เขามัดไว้เก็บกลับมาบ้าน
 อาจจะเป็นหนังสือตำราอาหาร
 ทำสวน...และหนังสือต่างๆ
 
 ตอนลูกชายป้ามันยังเป็นเด็ก
 ทางโรงเรียนที่นี่จะมีการให้ออกไปช่วยเก็บหนังสือพิมพ์
 ที่เขามัดไว้เพื่อเอาเป็นรายได้เข้าโรงเรียน
 ถ้ามันสองคนเก็บหนังสือพิมพ์เมื่อไรจะรู้เลยมันจะขนเอาหนังสือ
 กลับบ้าน  พูดถึงเก็บหนังสือพวกนี้พวกเด็กๆชอบกันมากนะ
 ที่ไม่ต้องเข้าเรียนหนังสือ  บางครั้งเด็กจะเอารถเข็นลากจากบ้าน
 ไปช่วยขน อย่างลูกชายป้ามันชอบเอารถลากจากบ้านไปช่วย
 และพวกเพื่อนๆจะนั่งกันเต็มรถเลยผลัดกันลาก
 ชีวิตเด็กๆช่างน่าสนุกจริงๆ
 นึกถึงความหลังแล้วเศร้าจริงๆ
 เวลาผ่านไปไวเหลือเกิน.....................
 
 
 ป้าชอบมากการสะสมพวกหนังสืออ่าน
 ไม่ว่าหนังสืออะไรจะเก็บสะสมหมด
 พวกหนังสือดารา  หนังสือบันเทิงต่างๆ
 
 ขวัญเรือน  ดิฉัน  แพรว .....ครัวแม่บ้าน.....อีกมากมาย
 ป้าเก็บสะสมมาร่วม30ปีไม่รวมหนังสือปกแข็ง
 ของพวกนักเขียนมีชื่อทุกๆคนหนังสือป้าจึงค่อนข้างจะเก่ามาก
 และใบกระดาษบางเล่มออกสีเหลือง
 
 ถ้าไม่ย้ายบ้านป้าไม่มีวันทิ้งหนังสือพวกนี้อย่างเด็ดขาด
 ยอมรับว่ารักมาก หนังสือบางฉบับป้ามีครบทุกฉบับ
 ตั้งแต่เขาออกใหม่ๆและจนบริษัทเขาเจ๊งไป
 อย่างหนังสือฟ้าเมืองไทยป้ามีตั้งแต่ปกใหญ่มากเหมือนหนังสือพิมพ์
 กุลสตรีตั้งแต่ปกเล็กและบาง......
 
 เมื่อวานน้ำตาซึมทิ้งไปเป็นรุ่นที่สาม
 และเป็นรุ่นสุดท้ายเพราะจะย้ายบ้านเร็วๆนี้
 บ้านที่จะไปอยู่ใหม่เป็นห้องพักมีแค่ 3ห้องครึ่ง
 เหมาะสำหรับลุงกับป้าสองคน
 และห้องเก็บของเล็กมากไม่ใหญ่เหมือนที่อยู่ปัจจุบัน
 ไม่สามารถเก็บหนังสือพวกนี้ได้
 ป้านอนไม่หลับมาหลายเดือนจนทำใจทิ้งไปได้
 ..............ลาก่อนเพื่อนรัก.........
 หนังสือพวกนี้เป็นเหมือนเพื่อนสนิทของป้า
 ช่วยแก้เหงา  คลายเครียด ให้ความรู้ทุกอย่าง
 
 

pall

ระหว่างที่ป้าเก็บหนังสือมัดเพื่อทิ้งไป
 อ่านไปด้วยและยิ้มไปด้วยจากการเขียนยิ้มมังกร
 ของนักเขียน ถาวร สิกขโกศล
 ในหนังสือดิฉันปีพศ.2537
 
 ***แล้วทำไมไม่รีบบอก***
 
 เจ้าทึ่มคนหนึ่งลงทุนจ้างครูมาสอนหนังสือ
 พยายามเรียนท่องจำสำนวนว่า
 **”ไหนเลยจะมีเรื่องเช่นนี้ได้**
 ท่องแล้วท่องอีกเพราะกลัวลืม
 ต่อมาขณะที่โดยสารเรือ คนเรือร้องตะโกนเสียงดัง
 เขาตกใจจนลืมสำนวนที่ท่องไว้
 จึงรีบออกเดินหาจนทั่วเรือ
 ผู้โดยสารต่างพากันช่วยหาและสงสัยถามเขาว่าหาอะไร
 
 เขาบอกลืมคำพูดสำคัญคำหนึ่ง
 ผู้โดยสารต่างพากันหัวเราะพูดว่า
 ”คำพูดจะตกหายได้อย่างไร.....ไหนเลยจะมีเรื่องเช่นนี้”
 เจ้าทึ่มได้ยินเข้าตบมือด้วยความดีใจมากและพูดว่า
 “ถูกแล้วคำที่ฉันหาคำนี้แหละ..ทำไมพวกท่านไม่รีบบอกปล่อยให้ฉันหาเสียเหนื่อยแทบตาย”
 

pall

**พิพากษาแบ่งทรัพย์**
 
 ครั้งหนึ่งในสมัยราชวงศ์ซ่ง(พศ.1503-1822)
 ขุนนางผู้ใหญ่คนหนึ่งถึงแก่อนิจกรรม
 ในพินัยกรรมได้ระบุให้แบ่งทรัพย์สิน
 แก่ลูกชายทั้งสองให้เสมอภาคกัน
 
 ผู้จัดการมรดกได้ประชุมลุง ป้า น้า อา ของผู้รับมรดกทั้งสอง
 ช่วยกันแบ่งทรัพย์สิน  สิ้นเปลืองเวลาไปไม่น้อย
 กว่าจะแบ่งให้เท่ากันได้ แต่ก็ลุล่วงไปด้วยดี
 
 แต่ต่อมาอีกไม่กี่วันพี่ชายเกิดหวาดระแวงว่าลุงลำเอียง
 เข้ากับน้อง เอาทรัพย์สินที่มีราคามากกว่าให้เป็นส่วนแบ่งไป
 ส่วนน้องก็หวาดระแวงว่าอาปกป้องเอาผลประโยชน์ให้พี่
 แบ่งข้าวของให้มากกว่า
 ต่างฝ่ายต่างคิดว่าตนได้รับมรดกน้อยกว่า
 กลายเป็นข้อวิวาทบาดหมางกัน
 
 ในที่สุดเรื่องก็ลุกลามฟ้องร้องกันถึงโรงถึงศาล
 ไปตามลำดับจนถึงขั้นถวายฏีกา
 ฮ่องเต้จึงมีพระราชโองการให้
 อัครมหาเสนาบดีจางฉีเสียนเป็นผู้ยุติปัญหานี้
 
 จางฉีเสียนคิดว่าถ้าเอามรดกมาแบ่งใหม่
 เจ้าสองคนคงคิดว่าได้น้อยกว่า
 หาหลักฐานพยานมายืนยันความคิดของตนอยู่ร่ำไป
 เรื่องจะไม่มีวันยุติ........จะจัดการอย่างไรดีหนอ....
 
 ในที่สุดจางฉีเสียนก็ออกนั่งบัลลังก์
 ถามคู่คดีคนพี่ว่า
 
 "เจ้าว่าเจ้าได้รับส่วนแบ่งข้างน้อยน้องชายได้ส่วนข้างมากไช่ไหม"
 "ใช่ครับใต้เท้าไม่ยุติธรรมต่อเกล้ากระผมจริงๆ"
 "เจ้าก็ว่าเจ้าได้รับมรดกส่วนข้างน้อยเหมือนกันใช่ไหม"
 จางฉีเสียนหันไปถามคู่คดีผู้น้อง
 
 "ถูกแล้วขอรับใต้เท้าโปรดประทานความยุติธรรมด้วย"
 'เอาล่ะ พรบรมราชโองการอยู่นี่  
 หากสอบพบว่าคนใดคนหนึ่งพูดไม่จริง
 หรือพูดกลับกลอกจะมีโทษฐานเพ็จทูลฮ่องเต้นะพวกเจ้าทราบไหม"
 
 "ทราบขอรับที่ให้การมาทั้งหมดล้วนเป็นจริง
 และไม่มีวันกลับกลอก"
 พี่นอ้งสองคนพูดเกือบจะพร้อมกัน
 
 "ถ้าเช่นนั้นไม่เห็นจะยากอะไร เจ้าคนพี่ไปครอบครอง
 ส่วนที่น้องชายได้รับไป
 เจ้าคนน้องไปครอบครองมรดกส่วนของพี่
 หวังว่าพวกเจ้าคงไม่กลับคำให้การอีกนะ"
 
 พี่น้องสองคนได้แต่แลดูตากันรับคำพิพากษาโดยดุษณีภาพ
 
 ***เรื่องของ ถาวร สิกขโกศลเขียน**
 

นี่นะ

ป้าจ๋า
 แวะมาทิ้งแถวเมกาก็ได้ค่ะ นี่นะรอรับอยู่ ฮิๆๆ