News:

ยินดีต้อนรับ สู่ Pall Swiss เว็บบอร์ดตัวใหม่

Main Menu

**ค่าครองชีพในสวิตเซอร์แลนด์........**

Started by pall, March 10, 2005, 11:13:37 AM

Previous topic - Next topic

pall

 
 
 ทุกคนที่อยู่ที่นี่จะรู้กันดีว่าครองชีพในสวิตฯสูงมาก
 ยิ่งอยู่ในKantonที่มีค่าครองชีพสูงมาก
 เช่นที่ซูริคหรือที่เจนีวาจะรู้ดีใช้จ่ายสูงแค่ไหน
 ที่เจนีวาจะขึ้นชื่อมากว่าหาบ้านพักซึ่งจะหายากมากและราคาแพง
 คนสวิสส่วนมากถ้าแต่งงานมีครอบครัวจะ
 ไม่ค่อยมีเงินเหลือเก็บเลย...ถ้าทำงานคนเดียวจะเห็นชัดมาก..
 แต่ถ้าช่วยกันทำก็พอจะลืมตาอ้าปากได้
 และพอมีเงินเก็บสำหรับกลับเมืองไทยหรือไปเที่ยวประเทศใกล้เคียง
 ถ้าเราอยากเที่ยวแบบถูกๆ
 ก็ดูรายการที่เขาจัดนำเที่ยวแบบ Last Minuit
 บางครั้งได้เที่ยวแบบลดครึ่งราคา
 หรือก็ซื้อตั๋วเครื่องบินที่แข่งขันกันขายตั๋วถูกมาก
 หรือไม่ก็หาบิดจากอีเบย์หรือจากริคาโด
 จะมีให้บิดมากมายเที่ยวทั้งภายในและนอกประเทศ
 
 คนสวิสบางคนจะบ่นและอยากย้ายออกไปอยู่ที่อื่น
 เพราะเกิดความกดดันและเครียดกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นทุกปี
 ค่าประกันเจ็บป่วยนี่เป็นหนามที่แหลมที่แทงใจคนสวิสมาก
 สมัยก่อนเขายังไม่ออกกฎว่าทุกคนต้องทำเลย
 ดังนั้นบางคนก็มีประกันเจ็บป่วยแต่
 บางคนก็ไม่มีได้แต่เจ็บเงินเผื่อไว้ใช้จ่าย
 ตอนไปหาหมอ...ถ้าป่วยไม่มากก็หายามาซื้อกินเอง
 แบบคนไทยเราทำกัน.
 แต่พอออกกฎหมายออกมาบังคับต้องทำกันทุกคน
 จะหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยทำให้กดดันหนัก
 ถึงเราไปหาหมอประกันจะจ่ายให้ก็ตามแต่เราต้องจ่ายเอง
 จากบิลที่เขาให้มา10% นี่ก็นับว่าสูงเอาการนะ
 เรารู้กันอยู่ว่าค่าหมอสูงแค่ไหน
 ถ้าไม่ป่วยนอนพงาบๆ
 จะไม่ไปหาหมออย่างเด็ดขาด
 ค่ายาบางอย่างประกันก็ไม่จ่ายให้อีก...แบบนี้ช้ำสุดๆๆ
 ใครที่ไปหาหมอๆให้ยามาอย่าอายต้องถามให้แน่ๆว่าประกันจ่ายไหม
 ถ้าไม่จ่ายอย่าเอา...เงินเราต้องดูและ...หมอน่ะรวยอยู่แล้ว..
 ได้%จ่ายยาที่ให้เราอีกด้วย...
 
 นอกจากนี้ก็มีประกันรถ...ประกันทรัพย์สิน...
 ประกันบ้านที่เช่าเขาอยู่.. (อันนี้ไม่บังคับ)
 ประกันคนแก่คนพิการประกันคนตกงาน..ประกันการทำงาน
 เงินสะสมPensionเก็บไว้ตอนปลดเกษียร
 เงินภาษี.....
 ฯลฯ มีอีกมากมาย...........ไม่อยากเขียนมากกว่านี้แค่นี้ก็ตาลอยแล้ว...
 

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0567 ห้อง pallswiss (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

pall

เมื่อรายจ่ายมากมายจนเก็บเข้าคลังไม่ได้
 เราก็ต้องหาทางประหยัด
 ถ้าสิ่งไหนประหยัดได้ก็ต้องทำ
 เช่นป้าต้องประหยัดสุดขีด
 ขนาดลุงปลดเกษียรแล้วยังต้องทำงานอยู่
 เงินคนแก่แกได้นิดเดียวเอง
 แค่จ่ายภาษีได้งวดเดียวยังไม่พอจ่าย.....
 ป้าคนคุมการคลังเลยต้องพยายามอย่างหนัก
 จะไล่แกไปซื้อของตอนบ่ายทุกบ่าย
 เพราะจะได้ของลดครึ่งราคา
 บางครั้งที่Coopลดแค่25%
 และที่ Migrosลด33%บอกว่าอย่าซื้อ
 ต้องรอให้ลด50%ถึงซื้อ
 ลุงแกกว่าจะเรียนจบหลักสูตรซื้อของต้องทุบถองอยู่นาน
 แกรำคาญมากแต่ตอนนี้จบหลักสูตรซื้อของ50%แล้ว
 แกเก่งมากที่หยิบของลด25%หรือลด33%ใส่ตะกร้า
 และพอเห็นเขาเปลี่ยนเป็น50%แกรีบใส่คืนและยืนรอ
 จนเขาแปะเบอร์50%เสร็จรีบหยิบมา
 เพราะไม่เช่นนั้นจะโดนมือดีหยิบต่อ....
 แกเคยโดนมาแล้ว....เลยได้บทเรียน
 และจะไล่แกไปหาน้องวัวไปซื้อนม
 เพราะซื้อนมจากบ้านชาวนาประหยัดได้ตั้ง.45 รัพเพิ่ล
 
 วิธีประหยัดที่ป้าทำจนเหงื่อที่ไหลเริ่มเค็มแล้ว....
 สมัยนี้เราอย่าอายคน
 สมัยก่อนคนสวิสจะอายไม่กล้าทำไม่เหมือนสมัยนี้
 คนหัวดำหัวแดงชาติอื่นจะกล้าแสดงออกไม่อาย
 ถึงแม้จะมีบางคนแอบเบ้ปาก....แต่เพื่อกระเป๋าเราเอง
 จะไปอายใครทำไม...
 ถือคติ.....เวลาเราอดตายไม่มีใครมาช่วยเรานะ..เราต้องช่วยตัวเอง
 ลุงทำงานคนเดียว...ถ้าไม่ทำงานก็ไม่มีเงิน...
 ป้าจำเป็นต้องประหยัดสุดขีด
 
 **วิธีประหยัด....**
 
 1.ซื้ออาหารลดครึ่งราคา
 พวกเนื้อน่าซื้อมาก
 ซื้อมาเก็บตุนไว้ในช่องแข็งนี่เป็นการประหยัดเงิน
 ที่เราเห็นได้มาก.สมัยนี้ถึงกับแย่งกันแล้ว
 อาหารลดครึ่งราคาน่าทำที่สุด
 ถ้าจะใช้ก็นำออกมาใช้ได้เลย
 ช่วงเช้ากับช่วงเย็นๆใกล้ร้านจะปิด
 เป็นช่วงที่หาซื้อได้ง่าย.
 (ถ้ามีเศษท้ายต่อข้างหลัง...น่าทำที่สุด...
 เพราะทางเครื่องที่เขากดคิดเลขจะไม่คิดเศษ.05 รัพเพิ่ลข้างท้าย)
 แบบนี้เราได้กำไรเพิ่มตั้ง5รัพเพิ่ล.
 
 2.พยายามเปรียบเทียบราคาจากMigro ,COOPและDenner
 และจากร้านอื่นๆ...
 อาหารของใช้ประจำวันบางอย่างราคาจะแตกต่างกัน
 อย่าลืมว่าถึงแม้เราคิดว่าแตกต่างกันแค่10หรือ20รัพเพิ่ล
 แต่ถ้ารวมกันเข้าก็เป็นก้อนโตนะ...อย่าดูถูกเงิน.
 และซื้ออาหารที่ทางร้านเขาลดราคา...ซื้อเท่าที่จำเป็นใช้
 ซื้อมาตุนไว้แค่ใช้อย่าซื้อมาก....เพราะบางครั้งของส่วนนั้น
 อาจจะลดครึ่งราคา....เพราะเจอมาแล้ว....
 และอย่าลืมซื้อของที่ไม่มียี่ห้อ...ที่เป็นบริการของ
 Migro และCOOP
 ซึ่งเราเห็นได้จะมีวางขายราคาถูกมาก
 ของกินของใช้ที่ไม่ระบุบริษัทที่ทำนี่ถูกมาก
 และอร่อยพอหรือคุณภาพพอๆกับของที่บอกชื่อ
 บริษัทคนทำ...ที่เขาไม่ระบุราคาจะได้ถูก...
 เป็นสิ่งที่มิโกรได้ตกลงกัน....
 
 
 ของ Migroจะเป็นเครื่องหมาย ที่เขียนว่า
 M Budget  ออกสีเขียว
 
 การประหยัดแบบนี้ช่วยได้มาก
 เราต้องคอยดูว่าเขาประกาศลดราคาหรือลดครึ่งราคาอะไร
 และถ้าจำเป็นต้องใช้ประจำก็ควรจะซื้อไว้มาก
 ของพวกนี้ไม่เสีย
 
 3.พวกเสื้อผ้าเราควรจะซื้อตอนลดราคามากๆ
 บางแห่งจะกระหน่ำราคาลดอย่างหนัก
 พวกของใช้ในห้องนอน.ถ้าเป็นแบบที่ไม่ตกสมัยน่าซื้อมาตุนหน่อย
 ป้ากับลุงจะซื้อตอนที่เขาลด1/4
 และขอบอกนะของบางอย่างเหมือนกันขนาดลด50%แล้ว
 ยังราคาแพงกว่าที่อื่น
 ของลดราคาต้องระวังสุดๆ
 
 4.ตอนที่ลูกป้ายังเล็กมาก
 เด็กจะเติบโตไวมากไม่จำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่
 ใครบริจาคมารับหมด....
 และจะไปหาซื้อของเด็กจากร้านมือสอง
 เป็นของใช้ที่พ่อแม่ลูกโตแล้วไม่ใช้แล้ว
 นำมาขายของคุณภาพดีมาก
 และราคาถูกเหมือนได้เปล่า
 มีของทุกอย่าง.....ที่เราต้องการ...
 
 5.งดรับพวกหนังสือพิมพ์ทั้งหลาย
 ถ้าอยากอ่านก็เปิดอ่านตามเน๊ต
 หรือไปเอาหนังสือพิมพ์ฟรีที่เขาวางไว้ตามตู้
 ที่เราเรียกว่า 20 นาที....ถ้าอยากอ่านจริงๆก็แอบไปอ่านที่ร้านค้า
 พวกหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารนี่ถ้าดูราคาจริงๆ
 แล้วนำมารวมกันจะน่าเสียดายเงินมาก
 เพราะอ่านเสร็จแล้วก็ผูกเชือกนำไปทิ้ง
 ถ้าไม่ทิ้งก็ไม่มีที่เก็บ
 ดีไม่ดีจะเกิดคดีทุบถองกับคนข้างเคียงกันอีก.....
 
 6.หนังสือรายการโทรทัศน์จะรับแบบเดือนละครั้ง
 ถ้าเป็นอาทิตย์ละครั้งราคาจะแพงไป
 เพราะต้องจ่ายทุกอาทิตย์
 เดือนละครั้งจะเสียแค่4.40ฟรังก์
 เห็นไหมถูกกว่ามาก............
 
 7.ออกนอกบ้านจะหิ้วของกินไปเอง
 ไปซื้อข้างนอกจะแพงมาก.
 ขนาดแซนวิส1อันเห็นราคาแล้วซื้ออาหาร
 มาทำเองตั้ง1  มื้อ.
 
 9.พยายามหลีกเลี่ยงการใช้รถ
 ค่าน้ำมันแพงมากหลีกเลี่ยงมาใช้การบริการที่เขาจัดมาให้ดีกว่า
 ยังประหยัดได้มาก.
 
 10.การประหยัดภายในบ้านพวกไฟฟ้า
 ก็เปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้าแบบประหยัด
 จะช่วยประหยัดค่าไฟได้มาก...
 
 
 11. ประหยัดค่าโทรศัพท์
 วิธีที่ประหยัดคือการใช่การ์ดโฟนซึ่งมีราคาถูกมาก
 ถ้าโทรในเครื่องที่เรามีจะแพงกว่ามาก...
 ป้าไม่ค่อยมีเพื่อนเลยหมดห่วงนอกจากต้องซื้อการ์ด
 ที่โทรภายในประเทศ
 โทรไปเมืองไทยถึงซื้อ.
 นี่กำลังจะหาซื้อการ์ดมาใช้สักใบเพราะได้
 มีคนแอบกระซิบว่าถูกมาก...ยังไมได้ไปหาซื้อเลย...
 
 12.ที่บ้านจะไม่ทำอาหารไทยกิน
 อาหารไทยราคาแพงมาก.
 และอีกอย่างป้าจะสันหลังยาวด้วย
 กว่าจะทำอาหารไทยเสร็จเสร็จคงหายหิวไปแล้ว.
 ใครอยากประหยัดถ้าลดอาหารไทยลงได้จะช่วยได้มาก.
 
 
 ............
 
 ยังมีอีกมากแค่นี่น้ำทะเลก็เริ่มเรียกพี่แล้ว..........
 อยากรู้ว่าใครมีวิธีประหยัดอะไรกันบ้าง
 มาคุยแบ่งปันกัน
 ป้าจะได้นำวิธีประยุกต์นำมาใช้ด้วย.............
 
 

ต๋อย

ฮ้าฮ้า ฮ้า  ขอหัวเราะก่อนนะป้า  ชอบใจป้าเขียนได้กินใจ และตลกด้วย  อ่านไปก็หัวเราะไป ต๋อยก็พยายามประหยัดเหมือนกันแต่ยังชอบกินอาหารไทยอยู่เลย  แบบว่าพวกขนมปังยังไม่เข้าสายเลือดเลย  ใช่แล้วค่าครองชีพที่นี่สูงมาก อะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด  ยิ่งอาทิตย์ที่แล้วไปหาหมออุดฟัน รูอย่างใหญ่นึกว่าเขาจะถอนให้แต่คาดผิดหมอแก เก็บไว้ให้ไม่ถอน อาศัยรักษารากฟัน เขานัดอีก 2 ครั้ง  คงแพงน่าดูเลย เพราะหมอใช้เวลาเกือบชั่วโมงกับฟันต๋อย  อยากกลับไปทำเมืองไทย แต่มันรอไม่ไหว ก็เลยทำมันที่นี่แหละ แพงแต่คุณภาพดี ก็พอใจแล้ว

ตุ้ม

จริงค่ะค่าของชีพที่นี่สูงมาก  แต่ถ้าเทียบกับคุณภาพแล้วก็คิดว่าดีพอใช้ได้  ชีวิดที่นี่เป็นชีวิตที่มีคุณภาพค่ะ  อย่างเวลาไปทานอาหารเย็นเราก็ออกไปหาความสุขกันโดยตรง  คุยกันจนร้านปิดก็ได้แต่ถ้าเป็นที่อเมริกาพอทานเสร็จก็ต้องรีบออกเพราะเค้าจะเอาโต๊ะไว้ขายคนอื่นอีก  เมื่อตอนมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆรู้สึกอึดอัดที่ร้านขายของปิดเร็วและปิดวันอาทิตย์  แต่เดี๋ยวนี้ชอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันอาทิตย์เพราะจะได้รับการพักผ่อนจริงๆ  และมานึกถึงครอบครัวของคนที่ต้องทำงานในร้านขายของว่าเค้าก็อยากจะได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวเหมือนกัน  ครอบครัวในอเมริกาแตกแยกหรือมีปัญหาเกี่ยวกับเด็กก็มีผลต่อเนื่องมาจากการพ่อแม่ต้องทำงานกะกลางคืนไม่ได้มีเวลาอยู่กับลูกหรือทานอาหารพร้อมกันทั้งครอบครัว
 อาหารไทยเราก็ทำทานได้แต่พยายามประยุตใช้ของท้องถิ่นแทนบ้างก็จะประหยัดไปได้มาก  

ส้มตำ




สวัสดีค่ะป้าพอล
 สวัสดีค่ะป้าตุ้ม
 สวัสดีจ้ะต๋อย.....และสวัสดีทุกๆคนที่กำลังตามหลังมานานมากที่ไม่ได้
 
 เข้ามาแจม....คงสบายดีกันทุกๆคนนะคะส้มตำก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพ
 
 นิดหน่อยเรื้อรังน่ารำคาญ.......ป้าพูดถูกใจจัง...ส้มตำทำเกือบทุกอย่าง
 
 เหมือนป้าเลย....ยกเว้นเรื่อง
 
 อาหารไทย......เพราะส้มตำจะเป็นคนจัดการเองทุกอย่างเรื่องค่าใช้
 
 จ่ายภายในบ้าน.....และทำรายการใช้จ่ายทุกอย่างเองถึงได้รู้ว่าเรา
 
 สามารถใช้จ่ายได้มาเท่าไหร่....และจัดการเรื่องบิลเองว่าเดือนใหน
 
 ต้องจ่ายอะไรบ้าง...และจะเหลือสักร้อยติดบัญชีใหม....ไม่อยากพูด
 
 บางเดือนแทบจะไม่พอจ่ายค่าบิล....ถ้าไม่ประหยัดจนตัวโก่ง......เช่น
 
 เสื้อผ้าของลูกๆพึ่งจะมาได้ซื้อจริงๆเมื่อปีที่แล้ว.....แต่ก่อนก็มีแต่คนให้
 
 มา...หรือใช้ของคนที่เขาให้มาที่ยังใหม่ๆอยู่.....เพราะลูกสองคนหญิง
 
 และชายใส่ดว้ยกันไม่ได้ทุกอย่าง....เปลืองมากเลยถ้าเราไม่ดูเรื่องนี้...
 
 แต่ถ้ามีลูกเป็นหญิงหรือชายเมือนๆกันก็ใส่ดว้ยกันได้...ที่บ้านจะมีขาย
 
 เสื้อผ้าเด็กมือสองปีละสองครั้ง....หนูก็จะไปซื้อมาไว้ให้ลูกๆใส่....ประ
 
 หยัดใด้มากเลย.....บางทีซื้อรองเท้าเบอร์ใหญ่กว่า*ลูกเผื่อปีหน้าจะ
 
 ได้ใส่ได้อีกจนลูกเดินรองเท้าหลุดตอนข้ามถนนอันนี้ก็น่าสงสาร....
 
 หลายอย่างส้มตำจะไปซื้อมาเก็บตุนไว้จากเยอรมันหรือฝรั่งเศส....มัน
 
 จะถูกกว่ากันมากเลย....เช่นของที่เก็บไว้เป็นปีไม่เสียยาสระผมครีมทา
 
 ผิวยาสีฟันกระดาษชำระอะไรพวกนี้เพราะเก็บไว้ได้นานไม่เสีย....ไม่
 
 ประหยัดแบบนี้ก็คงลำบากกว่านี้...และจะไม่มีวันนี้.....เพราะถ้าการเงิน
 
 ในครอบครัวฝืดเคือง.....อะไรๆมันก็ตามมาเป็นระยะๆและฝืดกันไป
 
 หมด...แม้แต่ความรัก....ไม่ต้องรวยมากขอให้พออยู่พอกินและไม่มี
 
 หนี้สินสุขภาพร่างกายและจิตใจผ่องใสก็พอแล้วใช่ใหมคะ...

นิด (แม่ลูกหมูสามตัว)

มาแล้วจ้า เล่นทั้งล๊อก ทั้งลาก  ทั้งหลอกล่อสารพัดแถมข่มขู่นิดๆ อย่างไงก็ต้องมาจะไปไหนรอดหล่ะป้าจ๋า มาถึงก็ต้องเข้าทู้โดนใจก่อนเลย ในฐานะ ลูกสามคน ต้องรัดเข็มขัดสุดฤิทธิ์สุดเดช นิดก็คงคล้ายๆป้า กระดาษโฆษณา ร้านไหนมา ก็ต้องมานั่งเทียบราคา ร้านไหนถูกกว่ากัน ก็ไปขนมาตุนไว้ อย่างเนื้อสัตว์ ถ้ามิกโกรแถวบ้านพอๆกับร้านที่ต้องนั่งรถไปซื้อ ก็เอามิกโกรดีกว่า บ้านนี้ ตู้แช่แข็งหย่ายยยยเหมือนตัวเจ้าของบ้าน นิดจะไปมิกโกรเพื่อซื้อผักสด ผลไม้ และนม อาทิตย์ละสองครั้ง ขนาดแค่ผักผลไม้ เนื้อสัตว์ ก็ปาเข้าไปร่วมๆร้อยฟรังแล้ว อาหารไทยหรือค่ะ บ้านนี้ทำกินบ่อยค่ะ แต่ใช้การประยุกต์วัตถุดิบค่ะ ไม่ได้ไปร้านไทยอย่างเดียว เดือนหนึ่งไปครั้งเดียว ส่วนเรื่องเสื่อผ้า ก็ได้เพื่อนทำงานมิกโกรคอยโทรบอกว่า เมื่อไหร่จะลดราคา1ในสี่ นิดก็ไปรอเวลาประตูเปิดเลย แบบเหมามาทั้งแผนก ซื้อเสื้อผ้าให้ลูกเผื่อเบอร์ใช้ปีหน้า อย่างเสื้อผ้าหน้าหนาว ถุงน่อง เสื้อไหมพรม แล้วเสื้อผ้าของลูกๆนิดที่ใช้แล้วแต่ยังดี นิดจะค่อนข้างซักเสื้อผ้าแบบถนอม เสื้อผ้าถึงใช้จึงดุไม่เก่ามาก ก็จะเอาไปขายร้านของมือสองเสื้อผ้าเด็ก เราก็ได้ตรงนี้มาซื้อของใหม่ ของเล่น จักรยาน เพื่อนบ้านมาขอซื้อต่อ ครั้งแรก นิดเห็นว่าเค้ามีน้ำใจ ( นิดโชคดีตรงที่เพื่อนบ้านดีทั้งตึก )เรายกให้เค้าฟรีๆ " ฉันไม่อยากขาย ไม่อยากมีคำว่า เงิน ในความเป็นเพื่อน เพราะน้ำใจตีราคาเป็นเงินไม่ได้ " แต่เค้ากลับสอนนิดว่า " ถึงเราเป็นเพื่อน แต่เวลาเธอซื้อมาเธอเสียเงินนะ ถึงของเธอจะใช้แล้ว แต่อยู่ในสภาพดี ฉันยินดีจ่ายเธอสมราคาตามสภาพของ เพราะถึงฉันไปซื้อใหม่ก็ต้องจ่ายเหมือนกัน และแพงกว่า  เธอมีลูก ต้องกินต้องใช้ น้ำใจส่วนน้ำใจ แต่ชีวิตจริงๆ ต้องเอาครอบครัวเรารอดก่อนนะ" โหเราอึ้งเลยนะป้า  นี่ก็นัดแนะเพื่อนบ้านว่า เราจะพาเด็กๆไปทั้งร้านขายเล่นมือสองตอนหน้าร้อน ที่หน้าตึกที่ว่าการอำเภอบ้านนิด เพราะเค้าจะมีวันให้เด็กมาตั้งขาย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หัดให้เด็กๆได้รู้จัก คิดเลข รู้จักทำมาหากินเอง  (ใช้แรงงานเด็กหรือป่าวนี่เรา55555) หรือว่าเราจะเอาไปขายกับกลุ่มแม่บ้านตามวันที่เค้าจะติดบอกไว้  เวลาจะไปเที่ยวไหน ก็แบกเป้ ห่อข้าวห่อน้ำไป หรือถ้าไม่ไกลนัก ก็กินข้าวบ้านให้อิ่ม แล้วเราค่อยออกไปเที่ยว ทุกวันนี้ นิดไปไหนมาไหน ใครมาจับกระเป๋านิดกระเป๋าหนัก จะบอกว่า โอ้ เงินเยอะหรือเรากระเป๋าหนักจริงๆ สาธุสมพรเถอะค่ะ ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ ขวดน้ำเปล่า ไปถึงไหนๆหมดแล้วกรอกตามน้ำพุได้ 5555555555

เทียนหอม

ขอบคุณป้าค่ะ ได้ความรู้ดีจัง

blacktea

อ่านป้าจ๋าเขียนแล้วขำก๊าก ค่ะ
 ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์มากค่ะ
 เพราะที่บ้านชาดำเป็นแค่แจ๋วจริงๆ
 แต่ก็ช่วยกันประหยัด เท่าที่ทำได้ค่ะ
 ตอนนี้ขายเรือไปแล้ว เพราะไม่จำเป็น
 ค่าประกัน ค่าน้ำมัน ค่าจอด โคตรแพง
 ซื้อจักรยานใช้คุ้มกว่า 555
 เมื่อก่อนกินข้าวนอกบ้านบ่อยๆ
 ตอนนี้ไม่ค่อยออกข้างนอก
 กินข้าวเย็นนอกบ้าน 1 มื้อ
 ซื้ออาหารใส่ตู้เย็นไว้ได้ 1 สัปดาห์
 เห็นความแตกต่างกันได้เยอะมาก
 เรื่องเสื้อผ้าของแพงๆ ไม่มีได้กินเงินชาดำ555
 ต้องซื้อตอนลดราคาเหมือนกัน
 ส่วนอาหารไทยก็ทำกินบ้างบางครั้ง
 ก็พยายามใช้ของท้องถิ่น เพราะของไทยแพง
 ถ้าเปรียบเทียบชีวิตเมื่อก่อนกับตอนนี้
 ถือว่าแตกต่างมาก แค่มาอยู่สวิสได้ไม่เท่าไหร่
 รู้จักประหยัด อดออม เก็บเงินเก่งขึ้น
 ถ้าส่วนไหนเก็บแล้ว จะไม่เอาออกมาใช้
 ตอนนี้เกลือก็เริ่มเกาะตามตัวแล้วค่ะ
 
 
 
 

ตุ้ม

คุณ Pall และแม่บ้านทั้งหลายที่นี่ยอดจริงๆเลย  อยากให้ทุกคนเวลากลับไปเมืองไทยทำตัวอย่างให้คนที่อยู่รอบข้างเราเห็น  เริ่มจากกลุ่มน้อยๆ  คนไทยส่วนใหญ่ใช้จ่ายไม่คิดถึงอนาคตข้างหน้าและยังชอบมีของฟุ่มเฟือยเกินตัว  ทำให้มีปัญหาสังคมในด้านโกงกิน ลักขโมย แย่งชิงทรัพย์ผู้อื่น

โอเลี้ยง

สวัสดีค่ะป้าพอลและทุกๆท่านค่ะ  สวิสนี่ค่าใช้จ่ายสูงจริงๆ ด้วยค่ะ โอเลี้ยงก็ทำเหมือนหลายๆข้อที่ป้าเขียนแนะนำมาน่ะค่ะ ของส่วนมากจะซื้อที่ migro แล้วจะเดินดูตรงที่ติดป้ายสีส้ม Aktion ก่อนอันดับแรก ทุกครั้งที่ซื้อก็ได้มาทุกครั้ง ส่วน coop นี่ เข้าไม่บ่อยเลยค่ะไม่ค่อยซื้อของติดตรายี่ห้อสักเท่าไหร่ เพราะสินค้าบางอย่างที่ไม่ใช่ตราสินค้ายอดฮิตก็พอใช้ได้อย่างที่ป้าว่าแหล่ะค่ะ ซื้อที่ coop ก็นอกจากสินค้า Angebot ล่ะค่ะ อย่างน้ำดื่มนี่ซื้อที่ denner อย่างเดียวเลยค่ะยี่ห้อ denner ติดแดงเทือกเลยค่ะเนี่ย ราคาจะถูกกว่าเค้า  วางแผนไว้เหมือนกันค่ะว่าแก่ตัวไปจะขอย้ายกลับไปเมืองไทย ลูกคงไม่ปล่อยให้มีล่ะค่ะ ไม่งั้นฝันสลายไม่มีเงินเก็บตอนแก่พอไปอยู่เมืองไทยเราแน่ๆ แฟนยังบอกเลยว่าเรื่องเงินเกษียณน่ะอาจจะต้องทำใจ อาจจะไม่ได้หรือได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย  ตอนเราถึงวัยเกษียณแล้วอาจจะไม่ใช่เหมือนเวลานี้เพราะประชากรรุ่นใหม่ที่จะต้องทำงานและจ่ายให้เราตอนแก่น้อยกว่าตอนปัจจุบันนี้มาก  ตอนนี้โอเลี้ยงก็ยังไม่ได้ทำงานเลยค่ะ ประหยัดทางไหนได้ก็ประหยัดค่ะ เนี่ยยังห่อข้าวให้แฟนไปที่ทำงานทุกวันเลยค่ะ ก็หวังว่าสักวันหนึ่งโอเลี้ยงได้งานทำและได้กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดเราตอนแก่ล่ะค่ะ

blacktea

เห็นด้วยกับป้าตุ้มที่ซู๊ดเลยค่ะ
 เวลากลับเมืองไทย เห็นคนรอบตัวใช้เงินแล้วกลุ้ม
 ไม่รู้เขาเอารายได้มาจากไหนหนักหนา
 มีของฟุ่มเฟือย เห็นแล้วน่ารำคาญ
 ที่บ้านชาดำกินอยู่อย่างประหยัด
 จนเพื่อนบ้านเห็นการกินการอยู่ชาดำแล้วเขาไม่อยากเชื่อ
 (กรณีที่ไม่เกี่ยวกับคุณผู้ชายนะคะ)
 
 ตอนนี้ทั้งหลอกทั้งล่อเจ้าหลานชายตัวน้อย
 อายุ 5 ขวบ ให้รู้จักประหยัด อดออม
 ก็หวังว่าโตขึ้น เขาคงจะเป็นเสี่ย จากการหยอดออมสินทุกวัน 555
 
 

ตุ้ม

ชาดำกลับมากระโดดเต้นกองเชียร์อยู่นี่เอง  อ้าวร้องเพลงเชียร์ไปด้วยเลยเอาเพลงอะไรดีล่ะ  ชาดำทำถูกแล้วที่ใช้จ่ายอย่างประหยัดและสั่งสอนชักจูงคนที่เราพอจะจูงได้  ในวันข้างหน้าเค้าจะรู้ค่าของคำแนะนำของชาดำเอง  อยากทำได้แบบป้า Pall น่ะแต่ป้ายังไม่เข็มแข็งพอ  แต่ก็ไม่สุรุ่ยสุร่าย  

pall

สวัสดีจ๊ะต๋อย
 อาหารสวิสตอนมาอยู่ใหม่ๆเหม็นสุดๆ
 พวกเนยที่ลุงฟัดนี่เหม็นยิ่งกว่าคนteenเน่า
 ป้าต้องกล้ำกลืนกินข้าวอังเคิ่ลเบน
 แข็งมาก...ดีว่ามีน้ำปลาขายหน่อย.
 แต่อาหารหายากสุดรุ่นป้ารุ่นบุกเบิก....
 ไม่มีคอม...ไม่มีเน็ท...ไม่มีหนังสืออ่าน....
 พูดกับใครก็ไม่รู้เรื่อง...จะทะเลาะกับลุงก็เปิดดิกทะเลาะ...
 กว่าจะหาศัพย์เจอลุงหายหัวจ้อยไปแล้ว.
 
 ต๋อยมายุคโอเพ่นนี่...รุ่นนี้มีทุกอย่าง...ไม่เหงา...
 ติดต่ออ่านข่าวคราวสบายมาก...คนไทยก็เยอะ...
 อาหารก็สมบูรณ์....
 ตอนป้ามาอยู่ใหม่ๆ....ลุงทำงานปีนหลังคา
 ตอนนั้นเป็นลูกจ้างเขา...ได้เงินมาแค่เดือนละพันกว่าเอง.
 ค่าครองชีพเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้
 ค่าของเงินไม่เท่ากัน.เงินสมัยนั้นมีค่ามากการกินอยู่ไม่สูง
 
 **หมอฟัน***
 ต๋อยหมอฟันที่นี่เขาจะไม่ถอนทิ้งเหมือนหมอฟันบ้านเรา
 เขาจะเจาะจะอุดจนกว่าฟันจะหลุดมาเอง..หรือหมดหวังที่จะ
 ยืดเยื้ออีกต่อไป.........
 หมอฟันหยิบครีมเมื่อไรนอนสะดุ้งเมื่อนั้น.......
 

นิด( แม่ลูกหมูสามตัว)

สวัสดีค่ะป้าจ๋า ป้าตุ้ม ชาดำ น้องโอเลี้ยง หายไปนานนะคิดถ7งเน้อและทุกๆคนจ้า แหมแว๊บมาดูทู้นี้ ป้าไม่น่าทำสยองใจเลยค่ะ กำลังปาดๆเหงื่อเรื่องบิลค่าฟันสองแฝดอยู่เนี้ยะ นิดไม่ได้ทำประกันสุขภาพแล้วรวมฟันด้วยของลูกๆตั้งแต่แรก เพราะไม่รู้เรื่องนี้ มารู้ตอนสายไป เพราะเค้าให้เราทำได้ ตอนลูกแรกเกิดจนถึง 7 ขวบ และถ้า 7 ขวบ ต้องไปให้หมอฟันตรวจสุขภาพฟันแล้วเอาใบหมอมาให้ประกันพิจรณาว่าจะทำให้เราไหม ตอนนี้เลยกำลังเรียนรู้เรื่อง SchulZahnKlinic เพราะไม่งั้นมึนไม่หายเลยค่ะ ใครพอรู้เรื่องนี้บ้างบอกด้วยเน้อ แม่หมู จะผอมก็เพราะงานนี้แหละจ้า

pall

คุณตุ้ม
 หาความสุขแบบคุณตุ้มก็ดีนะคะพี่ว่า
 ของคุณน่ะมีพร้อมทุกอย่างแล้ว.
 คุณเกิดมาสบายมีพร้อมทุกอย่าง
 และอีกอย่างการไปกินอาหารนอกบ้านไม่จัดว่าฟุ่มเฟือยหรอกค่ะ
 ถือว่าออกไปชมโลกข้างนอก.
 เป็นความสุขส่วนตัวอีกแบบหนึ่ง.
 อิอิอย่ามาทำแบบพี่เลยของพี่ต้องทำเพราะสิ่งแวดล้อมน่ะค่ะ.
 
 อย่างพี่ไม่ชอบความพลุกพล่านและไม่ชอบเจอคน
 การไปกินนอกบ้านตัดทิ้งไปเลย.
  เห็นด้วยกับคุณค่ะว่าคนไทยเราฟุ่มเฟือยมาก
 และจะนิยมยี่ห้อ...
 พี่ยอมรับค่ะว่าเกิดมาจนและต้องเรียนรู้ค่าของเงิน
 ที่ได้มาทุกบาททุกสตางค์.
 และเห็นตัวอย่างของพ่อกับแม่ที่ทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดี
 ที่บ้านจะสอนให้รู้จักค่าของเงิน
 แต่อย่าตกเป็นทาสของเงิน.