News:

ยินดีต้อนรับ สู่ Pall Swiss เว็บบอร์ดตัวใหม่

Main Menu

เรื่องจากความประทับใจ

Started by yo, October 07, 2005, 03:32:31 AM

Previous topic - Next topic

yo

สวัสดีครับป้า pall , คุณนิด,คุณตุ้ม และผู้ที่เข้ามาอ่านทุกท่าน
       ผมดีใจมากที่อย่างน้อยความคิดเห็นที่ได้เขียนลงไปป้าชอบและอยากบอกป้าว่าเป็นการเขียนลงใน webboard เป็นครั้งแรกจริงๆเพราะปกติจะไม่ชอบเขียนลงในเว็ปสักเท่าไหร่  แต่ที่เขียนลงใน homepage ของป้าเพราะโดยส่วนตัวประทับใจหลายๆสิ่งหลายๆอย่างของความเป็น Switzerland ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วัฒนธรรมที่หลากหลาย และที่สำคัญเพื่อนชาวสวิส ที่มีน้ำใจมากๆ มันเป็นการเจอกันโดยบังเอิญมากเลยนะป้า pall เมื่อ 10 ปีที่แล้ว สองสามีภรรยาเค้ามาเที่ยวเมืองไทยและได้เจอกับผมโดยบังเอิญและได้สนทนากันทั่วๆไปด้วยความที่เรายังเด็กและเป็นคนที่ชอบอ่านโดยเฉพาะสารคดีที่ท่องเที่ยว โดยก่อนหน้าก็ได้อ่านสารคดีเกี่ยวกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งเป็นหนังสือสารคดีท่องเที่ยวเล่มแรกที่สร้างแรงจูงใจให้ผมอยากไปเห็นสวิตเซอร์แลนด์สักครั้ง  ผมได้สนทนาเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปกับเขาจากการที่ได้อ่านจากข้อมูลเบื้องต้นมาแล้ว ก่อนกลับเค้าถามผมว่า “ คุณเคยเห็นหิมะไหม ? “ ผมจึงตอบไปว่าไม่เคยเห็น หลังจากนั้นเค้าก็ขอที่อยู่และบอกว่าจะส่งโปดสการ์ดมาให้ดู   จากวันนั้นจนกระทั่งเปิดเทอมผมเกือบลืมไปแล้วว่าได้
 ให้ที่อยู่สองสามีภรรยาไว้   แล้ววันหนึ่งผมก็ได้รับโปดสการ์ดจากสวิตเซอร์แลนด์จริงๆลงวันที่ 05/05/1995 พร้อมทั้งเนื้อความพอสมควร  
 
 
 
 

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0895 ห้อง pallswiss (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

yo

มันเป็นจดหมายฉบับแรกในชีวิตที่ถูกส่งมาจากอีกซีกโลกหนึ่งถึงอีกซีกโลกจากวัฒนธรรมหนึ่งถึงอีกวัฒนธรรมหนึ่งซึ่งมันอาจจะดูไม่มีความหมายกับเด็กหลายๆคนในวัยเดียวกันแต่สำหรับผมมันมีความหมายอย่างบอกไม่ถูกมันแฝงไปด้วยสัมพันธภาพที่เกิดขึ้นจากการพบเจอโดยบังเอิญ ที่จะว่าไปแล้วอาจจะยากด้วยซ้ำว่าใครจะกล้าส่งมาให้เพราะเป็นการพบเจอกันเพียงครั้งเดียว แต่โปดสการ์ดฉบับนี้เป็นเสมือนโปดสการ์ดแห่งความฝันที่จุดประกายให้กับผมว่าสักวันดินแดนที่เราเห็นในภาพซึ่งดูราวกับภาพวาดที่สวยสดงดงามแห่งนี้เราจะต้องไปเยือนให้ได้สักวัน นั่นคือคำถามที่เกิดขึ้นในใจผม
             และนั่นก็เป็นการเริ่มต้นของการติดต่อกันเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพสังคม วัฒนธรรม ประเพณี และการดำรงชีวิตในประจำวันของผู้คนที่ต่างวัฒนธรรม ต่างศาสนา ต่างความความคิดที่ต่างอยู่คนละซีกโลก ซึ่งมันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับสวิตเซอร์แลนด์อีกเพิ่มขึ้นรวมทั้งในการที่จะเขียนจดหมายแต่ละครั้ง ผมจะต้องหาศัพท์ภาษาอังกฤษที่เหมาะสมในการเขียนเพื่อที่จะสื่อความหมายให้ถูกต้องซึ่งมันเป็นการยากนะครับป้าเมื่อ10 ปีก่อนแต่มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่เป็นการฝึกใช้ภาษาทางอ้อมด้วยครับป้าและมันก็เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ เพราะมันสามารถเป็นวิชาที่ช่วยให้ผมสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยปิดของรัฐได้  
 

yo

จากนั้นจนถึงวันนี้ จากจดหมายฉบับแรก ในปี 1995 ถึงจดหมายฉบับล่าสุด ปี 2005 และฉบับต่อๆไปมันเป็นการติดต่อที่ผมคิดว่ามันยาวนาน และ มันเป็นสัมพันธภาพที่ยังคงอยู่ตลอดไป บ้างครั้งผมบอกกับตัวเองว่าแทบไม่น่าเชื่อเลย   10 ปีของการแลกเปลี่ยนความรู้ทัศนคติ  10 ปีของการรับรู้เรื่องราวความเป็นไปของทั้งสองฝ่ายบนความแตกต่างของพื้นฐานทางวัฒนธรรม แต่นั่นมิใช่อุปสรรคในการติดต่อเลยหากแต่ผมคิดว่ามันเป็นการเรียนรู้ในสิ่งที่เราไม่เคยรู้  เรียนรู้ในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น โดยผ่านทางจดหมายฉบับแล้วฉบับเล่า มันเป็นการเปิดโลกโลกทัศน์เปิดมุมมองของผมให้กว้าง และมันเป็นห้องเรียนชีวิตอีกห้องหนึ่งที่ผมไม่ได้รับจากการเรียนในห้องเรียนเมื่อสมัย 10 ปีก่อนนะป้า มันเป็นสิ่งที่แปลกมากครับป้าที่การติดต่อกันผมกล้าที่จะเล่าเรื่องราวต่างๆของผมให้เพื่อนรับรู้และในขณะเดียวกันเพื่อนผมก็เล่าชีวิตความเป็นไปในชีวิตของครอบครัวให้ผมฟังจนถึงวันนี้ผมมีบางครั้งมีความรู้สึกว่าเค้าเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่ผมเคารพและขาดบางสิ่งบางอย่างไปถ้าไม่ได้รับรู้เรื่องราวจากเพื่อน

yo

เพื่อนที่เป็นเหมือนพรหมลิขิตที่ได้พบเจอกันถึงแม้ว่าจะอยู่*งไกลคนละฟากฟ้า คนละซีกโลก *** แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่รู้สึกแตกต่างกันคือ ** ความมีน้ำใจที่ดีงามที่เขาได้หยิบยื่นให้ผมมาตลอดไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ  ความรู้ต่างๆที่เพื่อนผมได้ถ่ายทอดผ่านทางจดหมาย หรือแม้กระทั่งความกรุณาที่ให้ที่พักให้อาหารและพาผมไปเที่ยวที่ต่างๆตลอดเวลาที่พักอยู่ที่นั่นซึ่งเป็นเสมือนการต่อยอดความฝันของผมให้สำเร็จ ตลอดจนแนะนำให้รู้จักกับบุคคลต่างๆอย่างเป็นกันเองมากๆจนผมรู้สึกเกรงใจจริงๆ**  ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผมถือว่าเป็นบุญคุณที่ผมในฐานะคนไทย ถ้ามีโอกาสก็จะต้องตอบแทนตามอัตภาพที่เรามีอยู่**และเวลาที่เพื่อนผมพาไปแนะนำให้บุคคลอื่นๆรู้จักสิ่งที่ผมจะไม่ลืมคือ จะยกมือไหว้ แล้วค่อยทักทายโดยการจับมือเสมอ เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีงามและเป็นเอกลักษณ์ของความมีรากเหง้าที่สั่งสมมาช้านาน

yo

สิ่งที่ผมได้เล่าให้ป้าหรือใครก็ตามเข้าที่อ่านนี้ก็เพื่อเป็นการเน้นย้ำจากความคิดเห็นที่ป้าได้เล่าให้ฟังว่า
 “คนสวิสถ้าเรารู้จักเขาอย่างแท้จริง จะใช้ชีวิตเรียบง่ายสมถะมาก และรักความเป็นส่วนตัวสุดๆแต่มีความจริงใจชอบช่วยเหลือผู้อื่น “   และหวังว่าอาจจะให้อะไรบ้างอย่างจากข้อความที่เขียนมาไม่มากก็น้อย และหวังว่าเรื่องที่ผมเขียนมาคงจะไม่ดูไร้สาระนะครับป้า ถ้ามีอะไรจะเสนอแนะก็เขียนได้ครับ
          -   ที่ป้าบอกว่าเดี๋ยวนี้ที่สวิตเซอร์แลนด์มีคนต่างชาติมาอยู่เยอะตรงนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นปัญหาระดับประเทศเหมือนกันนะครับกับการที่จะจัดการต่างๆให้เป็นระบบระเบียบแต่ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับจิตนึกที่ดีของแต่ละบุคคลในการที่จะเป็นผู้อาศัยที่ดีมีคุณภาพ  
                      Takecare .
    
       แค่นี้ก่อนนะครับเดี๋ยวป้าจะตาลายเอา   
 
 

ตุ้ม

สวัสดีค่ะคุณ Yo ประทับใจในเรื่องของคุณมากทำเอาน้ำตาซึมเลยค่ะ  ภูมิใจที่คุณได้อนุรักษ์ความเป็นเอกลักษณ์เป็นไทยของเราและไม่ละอายที่จะแสดงออกมาเมื่อมีโอกาศ  คุณเป็นตัวแทนน้อยๆของประเทศไทยที่ได้ทำให้ชนต่างชาติ(ถึงแม้จะเป็นจำนวนน้อย)ได้เข้าใจชาวไทยและประเทศไทยได้ดีขึ้น  ถ้าพวกเราทุกๆคนพร้อมใจได้ทำตามและคิดว่าเราเป็นตัวแทนของประเทศ  ภาพพจน์ของประเทศเราจะสวยงามมากขึ้นจากการที่เราถูกชาวต่างประเทศที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงคิดว่าประเทศเรามีดีแค่ S.....เต็มไปด้วยคนเห็นแก่เงินและโกงกินเท่านั้น  ต้องขอยอมรับว่าบางครั้งก็รู้สึกท้อแท้ที่พยายามจะแสดงให้คนต่างชาติมองประเทศไทยและคนไทยในมุมบวกไม่ใช่มีแต่ลบ  ขอบคุณค่ะที่ได้นำขัอความความรู้สึกและประสบการณ์ส่วนตัวของคุณมาเผื่อแผ่

pall

สวัสดีค่ะคุณตุ้ม
 
 สวัสดีจ๊ะ yo  
 อ่านที่โยเขียนมา....ทบทวนไปมาหลายครั้ง
 แล้วมานั่งคิดหลายๆอย่าง
 ป้าไม่ใช่ชาวพุทธที่ดีเท่าไร
 ยังหย่อนในการปฎิบัติแต่ก็พยายามทำตัวให้เป็นคนดี
 เท่าที่จะทำได้..
 ป้าเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง
 คนเราทุกคนที่เกิดมาและมาเจอกัน
 รักชอบพอกันทั้งๆที่ยังไม่เห็นหน้ากันมาก่อน
 ในอดีตชาติต้องทำบุญร่วมกันมา
 พอมาเจอกันในชาตินี้จึงทำให้เกิดความรู้สึกดีๆต่อกัน
 
 บางคนไม่เคยเห็นหน้ากัน
 หรือพอเห็นหน้ากันหรือรู้แค่ชื่อ
 หรือจากคนพูดถึงก็เกลียดไม่ชอบใจเขา
 ทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอะไรให้
 คงเป็นเพราะอดีตชาติเป็นคู่เวรคู่กรรมจองเวร
 จองกรรมกันมาก่อน
 ชาตินี้จึงแค้นหรือเกลียดกัน
 
 อย่าง yo คงทำบุญร่วมกันกับเพื่อนมาก่อน
 ชาตินี้จึงทำให้ชอบกัน
 ป้าอ่านแล้วเกิดความรู้สึกดีหลายๆอย่าง
 และนึกถึงป้าตอนที่มาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ
 ตอนนั้นจนมากกัดกล้อนเกลือกิน
 มีลูกอ่อนและท้องด้วย
 ทำงานหนักมาก..ทั้งๆที่ท้องแก่แต่ก็ต้องทำ
 ป้าเจอผู้หญิงแก่ชาวสวิสคนหนึ่ง
 เขาสงสารเอาลูกป้าไปช่วยเลี้ยง
 และหลังจากนั้นก็รักกันเหมือนแม่ลูก
 มีความผูกพันกันมากจนเขาตายไป
 ตัวป้าเองยอมรับว่าเป็นคนเชื่อเรื่อง
 เวรกรรมและวิบากกรรม
 
 ป้าดีใจนะที่yo
 ได้มาเที่ยวที่นี่,ได้เห็นและสัมผัสกับความเป็นอยู่ของคนที่นี่
 ป้าเองก็ได้เรียนรู้หลายอย่าง
 เช่นการกินอาหาร คนสวิสที่ป้าเห็นจะกินอาหารกันอย่าง
 ไม่ทิ้งขว้างและไม่ฟุ่มเฟือย
 ตอนแรกป้าเข้าใจผิดและมีความรู้สึกไม่ดี
 คิดว่าคนสวิสขี้เหนียว
 เขาจะกินกันเกลี้ยงชามเลย
 เสื้อผ้าก็เหมือนกัน
 ถ้าขาดเขาจะซ่อมแซมไม่ยอมทิ้ง
 ไม่แต่งตัวตามแฟชั่น
 (ที่ป้าพูดนี่ไม่ใช่คนรุ่นใหม่นะ)
 ความมัธยัสถ์เป็นสิ่งที่ป้าได้เรียนรู้สุดๆ
 ป้าเห็นมากเลยยกตัวอย่างเช่นผลแอปเปิล
 ถ้าเน่าเขาจะไม่โยนทิ้งนะ
 จะปาดส่วนที่เสียทิ้งและยังกินส่วนที่เหลือ
 อาหารก็เหมือนกันถ้าเหลือจะเก็บไว้กินมื้อต่อไป
 ....และอีกหลายอย่าง
 
 ปัญหาเกี่ยวกับคนต่างด้าว
 ซึ่งมีทั้งคนดีและคนไม่ดี
 คนสวิสเองมีทั้งคนที่ยอมรับและไม่ยอมเป็นมิตร
 กับคนต่างด้าว
 ปัญหานี้พูดและอธิบายให้ฟังยากมากจริงๆ
 เท่าที่ป้าเห็นและประสบมาด้วยตัวเอง
 บางครั้งยังยอมรับเลยว่ารับไม่ไหวกับคนต่างด้าวบางคน
 สวิตฯปัจจุบันมีปัญหาหลายอย่าง
 ไม่ว่าจะเป็นการปล้นจี้ ,วิ่งราว อาชญากรรมต่างๆ
 การค้ายาเสพติด และอีกมากมาย
 
 ป้าดีใจนะถ้าโยรู้จักเลือกและนำสิ่งดีๆที่ได้รับหรือสัมผัส
 ไปปรับปรุงประยุกต์นำไปใช้ในชีวิตประจำวันบ้านเรา
 อยากให้เริ่มการปลูกฝังตั้งแต่ในบ้านก่อนเลย
 เพราะเด็กจะเห็นตัวอย่างจากพ่อแม่ก่อนอื่น
 และซึมซับเรียนรู้จากพ่อแม่..และรู้จักการถ่ายทอด
 ไปสู่สังคมรอบข้าง
 
 30ปีที่ป้าอยู่ที่นี่ป้ายังไม่ลืมความเป็นคนไทย
 ป้าจะปลูกฝังลูกชายให้รู้จักการไหว้เวลาเจอคนไทย
 จะรู้จักหรือไม่รู้จักให้ยกมือไหว้
 ให้รู้จักคำว่าขอโทษเวลาเดินผ่านคนก้มหัวลง
 และเราจะไม่มีการพูดคำหยาบกัน
 ไม่มีการนินทาหรือใส่ร้ายผู้อื่น
 ถ้าพ่อแม่ทำให้ลูกเห็น
 ลูกก็จะทำตามเราซึ่งเป็นแม่แบบของเขา
 
 ป้าเขียนมามากแล้วสงสัยว่าYo
 คงอ่านตาลายแน่ๆ
 ที่ป้าเขียนนี่เป็นตัวอย่างเป็นมุมมองของป้าที่มีต่อการใช้ชีวิตที่นี่
 และความเห็นของป้าเท่านั้น
 

pall

สวัสดีจ๊ะโย
 เมื่อคืนนั่งเขียนดึกไปเลยลืมขอบใจโย
 ที่เข้ามาเขียนเล่าประสบการ์เล่าเรื่องดีๆ
 เล่าให้ฟังกัน
 และดีใจมากที่โยให้เกียริ์ตเสียสละเวลาอันมีค่า
 มาเขียนเล่าขอบใจมากจริงๆ
 ถ้ามีอะไรเข้ามาเขียนได้ตลอดเวลานะ
 ป้ายอมรับว่าข้อเขียนของโยให้ความรู้สึกดีๆ
 แก่ป้าหลายอย่าง

นิด (แม่ลูกหมูสามตัว)




               @@  ในมิตรภาพ...มีบางอย่างที่ผูกสัมพันธ์กันทั้งหมด  
 และบางอย่าง...ที่เหนือความสัมพันธ์กว่าสิ่งทั้งหลาย
  มิตรภาพ...เป็นสายใยที่ผูกดวงใจของโลกไว้ทั้งโลก  @@