News:

ยินดีต้อนรับ สู่ Pall Swiss เว็บบอร์ดตัวใหม่

Main Menu

แจ้งข่าวภัยธรรมชาติ เมืองไทยและเอเชีย

Started by teeraday, December 27, 2004, 10:12:08 AM

Previous topic - Next topic

teeraday




นั่งฟังรายงานข่าว คลื่นยักษ์ ซูนามิ ถล่มภูเก็ต พังงา  กระบี่ ระนอง มีผู้เสียชีวิต ประมาณ 150 คน เหตุเกิดเวลาประมาณ 7.00 น ของเช้าวันอาทิตย์ 26 ธันวาคม *ภาพจากคมชัดลึก http://www.komchadluek.net/

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0514 ห้อง pallswiss (เผื่อใช้ในการค้นหา)**





แจง




ขอบคุณมากจ๊า คุณ teeraday ที่มาส่งข่าว
 
 ตามข่าวอยู่เหมือนกัน น่าเห็นใจ คนบ้านเราและเมืองอื่นๆที่ประสบภัยครั้งนี้ด้วยอ่ะ
 
 ช่วงนี้ เป็น ช่วง ไฮซีซั่นด้วย เฮ้อ กระทบกระเทือนกันไปหมดเลย
 
 ขอให้อย่าเกิด อาชเตอร์เช็ค มากไปกว่านี้ เลย
 
 ขอให้ ไม่มีคนตายมากไปกว่านี้ ขอให้ญาติใครที่พลัดพรากกันขอให้เจอ
 
 ขอให้นักท่องเที่ยง ที่หลงอยู่ตามเกาะแก่ง ปลอดภัยและ กลับบ้านได้
 
 สาธุ  
 
 

แจง

แจงตามดู ที่เวป ผจก อัพเดทตลอดเวลาเลยจ๊ะ
 
 ช่วยคุณeeraday อัพข่าวจ๊ะ
 
 ไขปริศนาซึนามิถล่มไทย ครั้งแรกในประวัติศาสตร์  
   
 โดย ผู้จัดการออนไลน์ 27 ธันวาคม 2547 00:07 น.  
   
   
        ปรากฎการณ์แผ่นดินไหวที่ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ “ซึนามิ tsunami” ถล่มภาคใต้ของไทยเมื่อวานนี้(26 ธ.ค.) นั้น นับโศกนาฏกรรมร้ายแรงครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ความสูญเสียที่จะต้องบันทึกรอยเลือดและน้ำตาเอาไว้เลยทีเดียว เพราะนอกจากจะทรัพย์สินแล้ว ยังมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากอีกด้วย
         
        อย่างไรก็ตาม คลื่นยักษ์ซึนามิและแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ทำให้สังคมต้องตั้งคำถามอีกครั้งว่า ประเทศไทยมีการเตรียมรับมือกับภัยธรรมชาติประเภทนี้อย่างไรบ้าง รวมทั้งความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับซึนามิที่ต้องบอกว่า เกิดเป็น “ครั้งแรก” ในประเทศไทย
         
        รศ. ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย แห่งสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย(เอไอที) ในฐานะ ประธานคณะอนุกรรมการด้านผลกระทบของลมและแผ่นดินไหว ของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ(วสท.) และหัวหน้าคณะวิจัยเกี่ยวกับความเสี่ยงเรื่องแผ่นดินไหวของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) เปิดเผยว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นครั้งนี้ถือว่ามีความรุนแรงค่อนข้างมาก เพราะสามารถวัดความสั่นสะเทือนได้ถึง 8.9 ริกเตอร์ ซึ่งได้รับการจัดอันดับว่า เป็นแผ่นดินไหวที่อยู่อันดับ 5 ของโลกเลยทีเดียว
         
        สำหรับสาเหตุที่ความเสียหายกินวงกว้างตั้งแต่อินโดนีเซีย ศรีลังกา บังคลาเทศ อินเดีย มัลดีฟ ไทย ฯลฯ ก็เพราะเป็นแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นใต้ทะเล ที่ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ที่เรียกว่าซึนามิถล่มชายฝั่งของของประเทศต่างๆ  
         
        “ปกติ แผ่นดินไหวเกิดจาก 2 สาเหตุคือแผ่นดินไหวที่เกิดจากแนวรอยแตกของเปลือกโลก(หนาประมาณ 30-70 กิโลเมตร) กับอีกประเภทหนึ่งคือเกิดจากรอยต่อของเปลือกโลก 2 รอยแยกออกจากกัน ซึ่งผมคิดว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดจากประเภทที่สองทีนี้ เวลาเกิดในทะเล ก็จะส่งผลให้พื้นโลกขยับตัวกะทันหันภายในเวลาไม่กี่วินาที เลยทำให้มวลน้ำถูกกระตุ้นขึ้นมาและเกิดคลื่นแผ่กระจายไปทุกทิศทุกทาง”  
         
        “ถ้าเราอยู่ในทะเล เราจะไม่รู้สึกและดูไม่ออก เพราะคลื่นที่เกิดจากแผ่นดินไหวในทะเลจะมียอดคลื่นแค่ประมาณ 1-2 เมตรเท่านั้น เรียกว่าถูกกลบด้วยคลื่นปกติไปโดยปริยาย แต่คลื่นที่เกิดขึ้นจะมีความยาวค่อนข้างมาก คือยาวเป็นกิโลเมตรเลยทีเดียว ดังนั้น คนที่อยู่ในทะเลจะมองไม่เห็นไม่รู้สึก แต่เมื่อมาถึงฝั่ง น้ำทะเลก็จะม้วนตัวขึ้นมาจากข้างใต้และยกตัวขึ้นมา จากยอดที่เคยอยู่ในระดับ 1 เมตร 2 เมตร ก็จะสูงขึ้นเป็น 8-10 เมตร ซึ่งคลื่นยักษ์ที่เกิดขึ้นนั้น ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกที่เคยบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ของไทยเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากสถิติ การเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.9 ริกเตอร์ไม่ง่าย ต้องใช้เวลาในการสะสมพลังงานนาน นี่ขนาดศูนย์กลางเกิด*งจากภูเก็ต ถึง 400 กิโลเมตร”  
         
        ดร.เป็นหนึ่งให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คลื่นซึมานิมักเกิดในฝั่งแปซิฟิกเป็นส่วนใหญ่ ทำให้มีเครือข่ายนานาชาติตรวจจับและร่วมมือกันคอยเฝ้าระวังด้วยอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่ทางฝั่งอันดามันนั้นมีน้อยมาก จึงไม่ได้มีอุปกรณ์ตรวจจับ ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นและมีความรุนแรงมาก
         
        ส่วนสาเหตุที่เรียกชื่อคลื่นยักษ์ในลักษณะนี้ว่า ซึนามิ ก็เพราะเป็นคลื่นที่เกิดบ่อยในประเทศญี่ปุ่น และมีการศึกษาในเรื่องนี้อย่างละเอียด
         
        “หลายคนคงเกิดคำถามว่า ทำไมกรมอุตุนิยมวิทยาถึงไม่ได้เตือนล่วงหน้า ผมคงตอบแทนได้ว่า ระบบตรวจจับแผ่นดินไหวของไทยมี และสามารถบอกให้รู้ได้ว่า เกิดที่นั่นที่นี่ได้ แต่ประเภทเตือนล่วงหน้าว่า จะเกิดพรุ่งนี้ มะรืนนี้ ยังไม่มี แล้วในโลกนี้ก็ยังไม่มีระบบที่ว่านั้นด้วย”
         
        “ผมคิดว่า เมื่อเกิดหายนะภัยเช่นนี้ รัฐบาลก็ควรลงทุนในเรื่องของอุปกรณ์ตรวจจับทางฝั่งอันดามันได้แล้ว เพราะถือว่ามีความจำเป็น และไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ ที่สำคัญคือใช้เงินไม่เยอะมาก ถ้ายังจำกันได้ก่อนหน้านี้คุณสมิท ธรรมสโรช อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาเคยเตือนเอาไว้แล้วว่า จะเกิดซึนามิในฝั่งอันดามัน แต่ก็ไม่มีใครเชื่อและไม่มีใครคิดว่าใหญ่ขนาดนี้”  
         
        ดร.เป็นหนึ่งบอกด้วยว่า สำหรับในประเทศไทยนั้น รอยเลื่อนแผ่นดินไหวที่มีอยู่เป็นแบบสะสมพลังงานช้า และคนไทยก็ไม่รู้จักเท่าไหร่ เนื่องจากงบประมาณในการศึกษาค่อนข้างน้อย ซึ่งถ้ารัฐบาลเห็นความสำคัญก็ควรจะต้องให้เงินวิจัยลงมา เพื่อที่จะสำรวจกันให้เห็นชัดๆ ว่า รอยเลื่อนที่ผ่านในไทยมีคุณลักษณะอย่างไร เพราะที่ผ่านมางบประมาณในการสำรวจรอยเลื่อนมักจะถูกตัดทิ้งโดยสำนักงบประมาณเนื่องจากไม่ค่อยเห็นความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้  
         
        ส่วนการป้องกันเฝ้าระวังนั้นทำได้ยากเพราะเป็นเรื่องของธรรมชาติ ยากที่จะหยั่งรู้ล่วงหน้าได้ แต่สิ่งที่ควรจะต้องทำคือ มาตรการในการป้องกันตึกสูงเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากแรงสั่นสะเทือนมากกว่านี้
         
        “ผมคิดว่า โชคดีนะที่ไม่ได้เกิดในไทยตรงๆ เพราะถ้าเกิดในบ้านเรา มีศูนย์กลางในบ้านเราจะรุนแรงกว่านี้เยอะ ไม่ต้อง 8.9 ริกเตอร์เท่าครั้งนี้หรอก แค่สัก 6 เท่านั้น จะได้รับความรุนแรงกว่านี้มหาศาล  
         
        ขณะที่สมิท ธรรมสโรช อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า การเกิดคลื่นยักษ์ หรือซึนามิ เคยทำนายไว้ล่วงหน้าสมัยเป็นอธิบดีว่าจะเกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ว่าไม่มีใครเชื่อ ทั้งนี้ การเกิดแผ่นดินไหวในครั้งนี้เกิดจากอุณหภูมิที่ต่างกันอย่างมาก ระหว่างเปลือกโลก และหินหลอมเหลวภายในโลก เมื่อแรงนี้กระทำกับหินแข็งภายในโลก ทำให้เกิดหินแตกเป็นแนว เรียกว่าแนวรอยเลื่อน และเมื่อเกิดการขยับตัวจะเกิดการสั่นไหวและเกิดคลื่นยักษ์  
         
        ทั้งนี้ บริเวณอันดามันของไทยจะมีอยู่ 3 จุด ที่อาจจะเกิดแผ่นดินไหวที่ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ได้ ซึ่งเมื่อปี พ.ศ.2484 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.7 ตามมาตราริกเตอร์มาแล้ว
         
        ส่วน ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายศึกษาการเปลี่ยนแปลงของโลก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความเห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้อยู่ในข่ายของซึนามิ เพราะมีสัญญาณเตือนภัยทางทะเลมาอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือเปลือกโลกเกิดการยุบหัก ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ แต่สังเกตได้ด้วยตาเปล่าโดยดูจากการกระเพื่อมของน้ำ กล่าวคือถ้าเมื่อไหร่น้ำยุบตัวลงอย่างรวดเร็วและกินอาณาบริเวณกว้างภายในเวลาไม่ถึง 5 นาทีแล้ว หลังจากนั้นไม่นานก็จะมีคลื่นยักษ์เกิดขึ้น
         
        “แผ่นดินไหวในทะเลเกิดขึ้นตามปกติตามธรรมชาติ บ้านเรายังไม่มีเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวทางทะเลเหมือนญี่ปุ่น เพราะไม่เคยมีเหตุการณ์ร้ายแรงหรือคลื่นยักษ์เกิดขึ้นเหมือนญี่ปุ่น จึงทำให้ละเลยเรื่องระบบเตือนภัยทางทะเล ประกอบกับผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว ไม่มีความรู้เรื่องนี้ จึงทำให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน อันที่จริงคนช่างสังเกตสามารถดูได้จากระดับน้ำใต้ดินกับการคลื่นไหวหรือยุบตัว นอกจากนี้ สังเกตตื่นกลัวของสัตว์น้ำต่างๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้น นี่คือระบบเตือนภัยของธรรมชาติ”  
         
        ดร.อานนท์บอกว่า จริงๆ แล้วถ้าไทยมีระบบเตือนภัยที่ดีกว่านี้ จะไม่เกิดความเสียหายมากมายขนาดนี้ เพราะตามหลักการทางวิชาการ ถ้ามีระบบตรวจวัดแผ่นดินไหวทางทะเล จะสามารถเคลื่อนย้ายคนออกจากเกาะอย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือให้ทุกคนขึ้นไปอยู่ในที่สูง ภายในอาคารที่แข็งแรง ส่วนชาวประมงที่อยู่ในทะเลให้ออกเรือ*งจากฝั่งให้มากที่สุด ไม่ใช่เข้าหาฝั่ง เพราะถ้ายิ่งเข้าหาฝั่งจะได้รับผลกระทบจากคลื่นที่รุนแรงมาก  
         
        ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนของประเทศไทยว่าในอนาคตจะต้องมีระบบเตือนภัยทางทะเล โดยตั้งเป็นเครือข่าย ให้ความรู้ อบต. ผู้ประกอบการ รวมถึงนักท่องเที่ยว อาจทำเป็นแผ่นพับ ส่วนด้านข้อมูลข่าวสารต่างๆ ประเภทรวดเร็วให้ทันกับสถานการณ์ ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยา กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ หน่วยบรรเทาสาธารณภัย และอื่นๆ ต้องกระจายข่าว พร้อมกับเตรียมขนย้ายประชาชนมาอยู่ในที่ปลอดภัย
         
        จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับสถิติแผ่นดินไหวครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในเมืองไทยนั้น กรมอุตินิยมวิทยาได้บันทึกเอาไว้ว่า ส่วนใหญ่มีขนาดอยู่ในระดับเล็กถึงปานกลาง (ไม่เกิน 6.0 ริกเตอร์) ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายเล็กน้อยต่อสิ่งก่อสร้างใกล้ศูนย์กลาง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1.วันที่ 17 ก.พ.18 ขนาด 5.6 ริกเตอร์ บริเวณ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก 2.วันที่ 15 เม.ย.26 ขนาด 5.5 ริกเตอร์ บริเวณ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี 3.วันที่ 22 เม.ย.26 ขนาด 5.9 ริกเตอร์ บริเวณ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี 4.วันที่ 11 ก.ย.37 ขนาด 5.1 ริกเตอร์ บริเวณ อ.พาน จ.เชียงราย 5.วันที่ 9 ธ.ค.38 ขนาด 5.1 ริกเตอร์ บริเวณ อ.ร้องกวาง จ.แพร่ 6.วันที่ 21 ธ.ค.38 ขนาด 5.2 ริกเตอร์ บริเวณ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ 7.วันที่ 22 ธ.ค.39 ขนาด 5.5 ริกเตอร์ บริเวณพรมแดนไทย-ลาว
         
        ส่วนแผ่นดินไหวรู้สึกได้ในไทย (2542-ส.ค.2543 ได้แก่1.วันที่ 31 ส.ค.4242 ใกล้พรมแดนไทย-ลาว ขนาด 4.8 ริกเตอร์ รู้สึกได้ที่จ.น่าน 2.วันที่ 3 เม.ย.42 ใกล้พรมแดนไทย - พม่า ขนาด 3.2 ริกเตอร์ รู้สึกได้ที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย 3.วันที่ 29 มิ.ย.42 ในประเทศพม่าขนาด 5.6 ริกเตอร์ รู้สึกได้ที่ จ.เชียงราย 4.วันที่ 15 ส.ค.42 ตอนใต้ของประเทศพม่า ขนาด 5.6 ริกเตอร์ รู้สึกได้ที่ จ.เชียงใหม่ 5.วันที่ 17 ส.ค.42 บริเวณทะเลอันดามัน ขนาด 2.1 ริกเตอร์ รู้สึกได้ที่ จ.ภูเก็ตและ จ.พังงา 6.วันที่ 29 ส.ค.42 บริเวณทะเลอันดามัน ขนาด 2.1 ริกเตอร์ รู้สึกได้ที่ จ.ภูเก็ตและพังงา 7.วันที่ 20 ม.ค.43 ที่ลาว ขนาด 5.9 ริกเตอร์ รู้สึกได้ที่ จ.น่าน แพร่ พะเยา เชียงราย มีความเสียหายที่ จังหวัดน่านและแพร่ 8.วันที่ 14 เม.ย.43 ที่พรมแดนลาว-เวียดนาม ขนาด 4.9 ริกเตอร์ รู้สึกได้ที่ จ.สกลนคร 9.วันที่ 29 พ.ค.43 บริเวณ ออ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ขนาด 3.8 ริกเตอร์ รู้สึกได้ที่ อ.เมือง อ.สันกำแพง และอ.สันทราย จ.เชียงใหม่ และ 10.วันที่ 7 ส.ค.43 บริเวณพรมแดนไทย - พม่า ขนาด 3.0 ริกเตอร์ รู้สึกได้ที่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
         
        อนึ่ง สำหรับมาตราวัดริกเตอร์นั้น แบ่งออกได้เป็น 6 ระดับคือ 1-2.9 เกิดการสั่นไหวเล็กน้อย ผู้คนเริ่มมีความรู้สึกถึงการสั่นไหว บางครั้ง รู้สึกเวียน ศีรษะ 3-3.9 เกิดการสั่นไหวเล็กน้อย ผู้คนที่อยู่ในอาคารรู้สึกเหมือนรถไฟวิ่งผ่าน4-4.9 เกิดการสั่นไหวปานกลาง ผู้ที่อาศัยอยู่ทั้งภายในอาคาร และนอกอาคาร รู้สึกถึงการ สั่นสะเทือน วัตถุห้อยแขวนแกว่งไกว 5-5.9 เกิดการสั่นไหวรุนแรงเป็นบริเวณกว้าง เครื่องเรือน และวัตถุมีการเคลื่อนที่ 6-6.9 เกิดการสั่นไหวรุนแรงมาก อาคารเริ่มเสียหาย พังทลาย 7.0 ขึ้นไป เกิดการสั่นไหวร้ายแรง อาคาร สิ่งก่อสร้างมีความเสียหายอย่างมาก แผ่นดินแยก วัตถุที่อยู่บนพื้นถูกเหวี่ยงกระเด็น  
   
   
 


ต๋อย

ข่าวเศร้ามากๆ ตอนนี้ต๋อยก็เพิ่งเข้าอ่านไทยรัฐเสร็จ คุณพุ่ม เจนเซ่นก็เสียชีวิตเหมือนกัน   ข่าวเศร้าส่งท้ายปีแท้ๆๆเลย

maratee

ครอบครัว มาราตี ก็ โดน ไปด้วย บางส่วน
 
 ทั้งเพื่อนๆที่ ทำงานที่ ห้างโอเชี่ยนป่าตอง ก็โดนเจ้าคลื่นยักษ์ กลืน ชีวิตพวกเขาไปหลายคน
 
 กะตะ กะรน หาดสุรินทร์ บางเทา  โดน กันเป็นเเถบ  
 
 เศร้า  คะ

pall

สวัสดีจ๊ะทุกๆคน
 ใช่จ๊ะเป็นข่าวที่เศร้ามากจริงๆ
 รู้สึกเห็นใจและเข้าใจถึงความรู้สึกของความสูญเสีย
 และการพลัดพรากของผู้เป็นที่รักได้ดี.
 ความสูญเสียครั้งนี้ยิ่งใหญ่นัก
 ยอมรับว่านอนไม่หลับมาหลายวันแล้ว
 รู้สึกสะเทือนใจกับข่าวอันนี้

maratee

วันนี้เป็นวันเเรก ที่โทรศัพย์ติดต่อ น้องชายที่ ภูเก็ตได้
 มีทั้งข่าวดี เเละ ร้ายปนกัน  
 น้องชายเเละ อา 3 คนรอด ชีวิต เเต่บ้านพัง!!!
 
 ส่วน น้องสาว เเละน้องชายของ เเม่ ยังไมทราบชะตากรรมเลย
 สงสารเเม่  จัง.........

pall

สวัสดีจ๊ะมาราตี
 ดีใจมากที่น้องชายและอาโชคดีมาก
 นับว่าเป็นโชคมหาศาลยิ่งนักเพราะเงินทอง
 ก็ไม่สามารถซื้อชีวิตได้
 ป้าก็ขอเอาใจช่วยขอให้น้องสาวและน้า
 ของมาราตีปลอดภัยด้วยนะจ๊ะ.
 เสียใจกับครอบครัวของมาราตี
 ทีต้องสูญเสียบ้านจ๊ะแต่ไม่ช้าก็พอจะเก็บเงินทอง
 สร้างคืนมาได้.
 
 ป้าเห็นภาพของความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้แล้ว
 เห็นสัจจะธรรมหลายๆอย่าง....ชีวิตคนเรามีแค่นี้เอง..
 
 ชีวิตมนุษย์ทุกคนที่เกิดมา.....ต่ำให้รวยล้ำฟ้า...
 มีชั้นวรรณะสูงส่งแค่ไหน
 ความตายที่รออยู่ข้างหน้าไม่เลือกชนชั้นวรรณะ...
 มีค่าเท่ากันหมด.........
 
 ขอเอาใจช่วยภาวนาขอทุกๆคนที่นี่
 ที่มีญาติที่เมืองไทยขอให้รอดปลอดภัยด้วย
 
 
 

ไม่มีใครไม่ทราบถึงน้ำใจของคนไท

 
 
 Copy มาจากเว็บผู้จัดการ  
 
 ไม่มีใครไม่ทราบถึงน้ำใจของคนไทยในแผ่นดิน  
 
 คุณเคยเคยเห็นไหม  
 อาสามูลนิธิที่ทำงานกันเสมอไหล่กับแพทย์อาสาในสนามโคลนแบบ3วัน2คืนไม่นอนเลยนะ  
 คุณเคยเห็นกันไหม  
 
 คุณเคยเห็นไหม  
 โลงศพที่ใครก็ไม่รู้ขับรถมาจอดข้างถนน ยกลงวาง  
 แล้วก็ขับรถไปน่ะ ไม่มีใครไปวิ่งตามให้เขามาส่งนะ  
 เขามาเอง  
 
 คุณเคยเห็นไหม  
 ข้าวกล่องเป็นถุงๆ ถุงละกว่า50กว่ากล่อง  
 บรรทุกมาในรถปิคอัพเต็มคัน  
 คนขับจอดลงข้างถนน  
 วิ่งมาหยิบถุงข้าวลงจากรถวางไว้กับพื้นข้างถนน  
 ปากเขาไม่พูด  
 มือเขาสั่นเทา  
 แววตาอ้อนล้าอย่างแรง  
 และมีน้ำตาไหลพราก  
 พอยกถุงข้าวหมดเขาก็ขับรถออกไป  
 อีกเกือบชั่วโมงก็มีคนเห็นเขาทำแบบนั้นอีก  
 ที่ที่*งจากที่แรกไม่เกิน100เมตร  
 และเขาทำต่อไปอย่างนี้ทั้งวัน ทหารบางคนจำเขาได้  
 เขาบอกเราว่า คนนี้เป็นพ่อค้าในตลาดเขาหลักนี้แหละ  
 ลูกเมียหายไปหมด เขาคิดว่าตายแล้ว  
 เลยเดินขึ้นเหนือไปบ้านญาติที่ตะกั่วป่า1วัน1คืน  
 ถึงแล้วก็ช่วยกันทำข้าวกล่อง  
 แล้วตัวเองก็ขับรถเอาไปส่งในผู้เคราะห์ร้าย  
 เขาเห็นคนเดินกันเยอะเขาก็จอดรถเอาข้าวลงวาง  
 เขาเห็นคนนั่งกันอยู่เยอะเขาก็เอาข้าวลงกองไว้กับพื้นข้างถนน  
 เขาไม่พูดกับใครเลย หลายคนเห็นเขาทำอยู่อย่างนี้  
 2วันแล้ว  
 
 คุณเคยเห็นไหม  
 ครอบครัวคนจีน  
 พ่อขับรถไปช้าๆ  
 มีลูกเมียนั่งอยู่กะบะหลัง  
 พวกเขาโยนน้ำให้คนข้างถนนทุกคนที่เดินผ่าน  
 พวกเขากองน้ำไว้ข้างถนน  
 แล้วพวกเขาก็ขับรถจากไป  
 
 คุณเคยเห็นไหม  
 ยายคนหนึ่ง  
 นั่งอยู่ข้างศาลาการเปรียญวัดเขาหลัก  
 เขาหาบมะละกอออกมาจากบ้านหลังเขา  
 เขานั่งสับมะละกอวางไว้ตรงหน้าตั้งแต่เช้าจนบ่าย  
 ฝ่ามือยายย่นเหมือนเราเอามือแช่น้ำไว้สัก5ชั่วโมง  
 มือสับไปๆ แต่แววตายาย ไม่ยินดียินร้าย  
 ทั้งฝรั่งทั้งไทยนั่งกินหยิบกินมะละกอกันพออิ่มแล้วก็เดินหลบไปให้คนอื่นเข้ามากินต่อ  
 
 คุณเคยเห็นไหม  
 ใครก็ไม่รู้เอาเสื่อผ้ามาวางเป็นกองไว้แล้วก็ไป  
 แล้วก็มีใครไม่รู้เอามากองทับเข้าไปอีกแล้วก็จากไป  
 คนไทยคนฝรั่งเดินตาลอยไปหยิบมาใส่หัวใส่ตัว  
 แต่เสื้อผ้ากองท่วมหัวไม่เคยขาดจากกองเลย  
 มีคนมากมาย เอามากองเพิ่มให้  
 หรือเป็นเทวดาหรือที่เอามาเติมให้  
 
 เหล่านี้มีใครไปสั่งไปบอกเขาตรงๆไหม  
 
 ไม่มีหรอก  
 
 please put our hearts and hands together  
   
 

teeraday

ครับ ไม่ได้มีโอกาสเข้าเวปที่บ้านเลย เลยไม่ได้มาอัพเดรด ขอบคุณพี่น้องคนไทยทุกคน  
 ขอบคุณชาวต่างชาติ ที่ให้ความช่วยเหลือแทนพี่น้องชาวใต้ที่ประสบภัย   ขอบคุณแทนชาวศรีลังกา พม่า อินโดนีเซีย มาเลเซีย และอินเดีย  
 
 สำหรับความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินมากมายเหลือเกิน เฉพาะอินโดนีเซีย เกือบแสน ศรีลังกามากมายที่สุด ในไทยช่วงบ่ายวันนี้ยอดพรุ่ง เป็น 1,600 และตัวเลขที่คาดการณ์ไม่ต่ำกว่า 4 พัน
 
 สำหรับผมได้มีโอกาสบริจาคผ่านกาชาดจังหวัด แต่มันเป็นเพียงเศษเสี้ยวเหลือเกิน