News:

ยินดีต้อนรับ สู่ Pall Swiss เว็บบอร์ดตัวใหม่

Main Menu

ซื้อบ้านหรืออพาทเมนท์ในสวิส

Started by วนาลี , December 01, 2003, 09:29:30 AM

Previous topic - Next topic

วนาลี

พอดีกำลังคิดนะค่ะ แค่กำลังคิด เรืองการซื้อบ้านหรืออพาทเมนท์ค่ะ แต่ก็มาฉุกคิดได้ว่า คนสวิสถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ไม่ซื้อบ้านแต่จะเช่าบ้านอยู่กัน  ทำไมหละค่ะ ....  
 การซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสวิสมีขั้นตอนยังไงบ้างค่ะ ยุ่งยากไหม เพื่อนคนไหนที่ซื้อบ้านแล้ว หรือกำลังจะซื้อช่วยแนะนำ หรือบอกข้อมูลหน่อยค่ะ

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0067 ห้อง pallswiss (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

แจง




ไม่รู้เรื่อง และอยากรู้เรื่อง เช่นกันค่ะ....แฮ่ะๆ
 ตอนนี้ก็เช่าบ้านหลังนี้อยู่ค่ะ บ้านบนเขาไม่แพงนะพี่วนา......คิดอย่างเปลี่ยนใจมาเป็นชาวเขากับแจงบ้าง...........เอาป่าว........หะหะ

black tea

หวัดดีค่ะคุณวนาลี  ไม่ทราบเรื่องนี้เหมือนกันนะคะ  เดี๋ยวรอป้ามาตอบดีกว่านะคะ

ป้าพร Stockholm

น้องแจง ป้าพร อยากไป เช่าอยู่  แบบนั้นบ้างจังเลยหละจ๊ะ  ดู แล้ว
 หน้าร้อน วิว จะสวยสุด สุด เลย  
 
 ป้าพร ก็รอ ป้าจ๋า มา เล่าให้พวกเราฟังเหมือนกันจ๊ะ
 

pall

บ้านแจงน่าอยู่จังเลย เป็นชาวเขาแบบแจงไม่เอาจ๊ะขับรถไม่เป็น
 กลัวอดตายจ๊ะเพราะกว่าจะกระงอกกระแงกลงจากเขา
 ได้สงสัยลมจับก่อน
 
 บ้านแจงที่อยู่นี่แจงน่าซื้อไว้นะ  

pall

ชาดำเป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ?คิดถึงจ๊ะ
 
 น้องพร ย้ายบ้านมาอยู่สวิตฯดีกว่านะบ้านเรามีวิวสวย
 เต็มไปหมด  
 
 วนาลีซื้อบ้านเมื่อไรจะไปล้มทับ  

pall

เรื่องการซื้อบ้านมาไว้เป็นของตัวเราเองนี้ใครๆก็อยาก
 ทำกันทุกคน  แต่การซื้อบ้านที่สวิตฯนี่ต้องคิดหนักมากหน่อย
 เพราะการซื้อบ้านนั้นไม่ใช่เรื่องยาก  แต่ค่าใช้จ่ายนี่
 เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมาก  คนมีบ้านเองถึงจะเข้าใจ
 ว่าค่าใช้จ่ายบำรุงรักษา  ค่าซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ(แพงมาก)
 ถ้าเป็นบ้านใหม่ก็พอจะโอเค แต่ถ้าเป็นบ้านเก่าแย่หน่อย
 
 บอกก่อนว่าค่าคนทำหลังคาเขาคิดค่าทำงานต่อชม.ร่วม
 100 สวิสฟรังก์  เขาจะคิดค่าระยะทางเดินทางมาทำงาน
 ไปกลับ   คิดค่าอุปกรณ์ที่ใช้(ไม่รวมของที่ซ่อมให้เรา)
 
 ค่าทำสวนนี่แพงหูฉี่   ไฟฟ้าขัดข้อง  คนมาทำเขาคิดต่อ
 ชั่วโมงตกร่วม 100สวิสฟรังก์  ค่าน้ำมันที่ใช้ตอนหน้าหนาว
 สำหรับทำความร้อน............ฯลฯ  
 
 ** ส่วนดีของคนเช่าบ้าน **
 
 แต่ถ้าเราเช่าบ้านเขาอยู่เราไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย
 แค่จ่ายค่าเช่าซึ่งบวกรวม ค่าใช้จ่ายอื่นๆไปแล้ว  
 เราไม่ต้องวิตกกังวลอะไรเลย ของใช้เสียหายหรือเกิดอะไรขึ้น
 เจ้าของบ้านจะต้องรับผิดชอบทุกอย่าง  เราแค่แจ้งให้เขา
 รับรู้เท่านั้น
 
 **ส่วนไม่ดี**
 คนเช่าบ้านอยู่จะมีความรู้สึกไม่เป็นอิสระ
 ต้องระมัดระวังอยู่กับส่วนรวมกับครอบครัวอื่นๆ
 ถ้าเช่าบ้านเป็นหลังเองแบบเเจง  ไม่มีปัญหาอะไร

pall

ต่อ
 
 ***  การซื้อบ้านเองเราต้องถามตัวเองว่าพร้อมไหม? ***
 
 1.ก่อนอื่นเราต้องมีเงินก้อนสำหรับจ่ายวาง EK(Eigenkapital)  
 อยู่ที่การตกลงกับคนขาย บางแห่งวางแค่ 10%บางแห่ง 15%บางแห่ง 20%เอาแน่ไม่ได้  อยู่ที่เราทำการตกลงกับคนขาย
 หรือเราจะจ่ายมากกว่าที่เขาตั้งไว้ก็ได้ถ้าเรามีเงินพอ และดีสำหรับการส่งดอกเบี้ยธนาคารในอนาคตคือส่งน้อยลง  
 
 ยกตัวอย่างง่ายๆบ้านราคาCHF 400,000  ถ้าเขาคิด EK  
 จำนวน 20% เราต้องวางเงินจำนวน CHF 80,000ให้คนขาย
 และหักออกจากจำนวนราคาที่เขาบอกขาย
 ราคาเรื่องการซื้อบ้านที่Switzerland ไม่เหมือนกับการซื้อบ้าน
 ที่เมืองไทยที่ส่งแต่ละเดือนจนหมดหนี้สิน ของ Switzerland
 การซื้อบ้าน ครั้งแรกการวาง EKแล้วแต่บ้านออก ซึ่งจะเหลือ
 หนี้จำนวน CHF 320,000  หนี้จำนวนนี้เราไปขอ*้จากธนาคาร การคิดดอกเบี้ยของธนาคารแต่ละแห่งจะคิดดอกเบี้ยไม่เท่ากัน ช่วงนี้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกหลาย%
 
  ทางธนาคารจะดูจำนวนเงินที่เรา*้ สภาพบ้านและดูอาชีพและความมั่นคงของคน*้ด้วย บางธนาคารเขี้ยวมากถามจนเราไม่เหลือ
 แม้แต่กางเกงใน บางธนาคารจะแอบสืบข้องมูลเรามาด้วย
 
 **  เมื่อธนาคารตกลงจะออกเงิน*้ให้เราเขาจะคิด **
 
 1.Portfolio-Hypothek
 (ดอกเบี้ยจะคนละราคากับอีกแบบ) เป็นกฎของธนาคารทุกแห่ง
 ในสวิตฯที่จะให้เงินก้อนนี้ซึ่งแล้วแต่ยอดเงิน*้
 ซึ่งเราสารมารถจ่ายจนหมดหนี้สินกันไปเลยไม่ต้อง
 มา*้จนตลอดชีวิตยกตัวอย่างถ้าเรา*้เงิน
 CHF 320,000  จากธนาคาร
 ธนาคารเขาให้จะให้เราส่ง CHF17,000 และดอกเบี้ย 4.53%
 (แล้วแต่ธนาคาร) เราต้องส่งเงินไปทุกเดือนพร้อมทั้งดอกเบี้ย
 และการส่งจะน้อยลงไปเรื่อยๆจนหมดหนี้ ส่งแบบนี้ถ้าเราจ่ายหมดแล้วหมดหนี้สินไปเลย
 
 2.Festhypothek  
 
 อยู่ที่การทำสัญญาของเราว่าทำกับธนาคารกี่ปี ถ้าทำ 5 ปี ถ้าดอกเบี้ยเพิ่มเราโชคดีจ่ายเท่าเดิม แต่ถ้าดอกเบี้ยลดลง เราขาดทุน  
 
 เงินที่*้มาCHF 320,000 หัก CHF 17,000 ออกจะเหลือ  
 CHF 303,000 เงินจำนวนนี้เป็นเงินที่เราจะต้องส่ง
 เป็นดอกเบี้ยให้ธนาคารจนตาย บ้านไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา  
 แต่ถ้าเราขายบ้านเราถึงจะได้ เงินที่วาง EK 20%  
 ที่เราจ่ายคืนมา แต่ถ้าราคาบ้านตกเราขายลดราคาไป
  เราก็ขาดทุน แต่ถ้าเราขายราคาเพิ่มขึ้นเราจะได้เพิ่มนิดหน่อย
 
 3. Amortissation ธนาคารคิด 1%(แล้วแต่ธนาคาร)
 
 ของเงินที่เรา*้ธนาคารต่อปี ธนาคารจะให้เราจ่าย 4 ครั้ง(ทุก 3 เดือน) เงินส่วนนี้นำไปลดหย่อนภาษีไม่ได้  เหตุที่เราต้องจ่ายเพราะบ้านเราเริ่มเก่าลงราคาน้อยลง เหมือนรถที่ซื้อมาราคาเริ่มตก
  แต่ถ้าเราซ่อมแซมหรือสร้างอะไรเพิ่มเติมในบ้าน
 *้เงินธนาคารใหม่   Amortissation เราไม่ต้องเสียอีกต่อไป
 จนกว่าธนาคารจะบอกเราใหม่ว่าจะคิด Amortissation อีกเมื่อไร
 
 
 

pall

การซื้อบ้านยังไม่จบ เมื่อเรา*้ธนาคารได้แล้วเราจะต้องมี  
 Notariat (หรือทนาย)ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องผ่านบุคคลนี้
 จึงจะซื้อขายกันได้ Notariat จะคิดค่าทำงาน AKTEN  
 แล้วแต่ของราคาบ้านที่ซื้อขายกัน เมื่อตกลงกันได้แล้วลงชื่อพร้อมกัน การซื้อขายจึงสมบูรณ์ Notariat จะทำเรื่องส่งไปยังเขตที่อยู่
 เพื่อแจ้งเรื่องการซื้อขายบ้านเพื่อการคิดภาษีบ้าน  
 การทำงานของNotariat แพงมาก การซื้อบ้าน
 เราต้องจ่ายไม่ต่ำกว่าหมื่นสวิสฟรังก์ขึ้นไป  
 แต่ถ้าเรามีพี่น้องทำงานแบบนี้ก็ทุ่นไปได้มาก
 
 การซื้อบ้านไม่มีใครจ่ายเงินสดเพราะถ้าเราเป็นหนี้ธนาคาร เราสามารถลดหย่อนภาษีได้ และการเช่าบ้านหรือเช่าWohnung
  แล้วแต่เจ้าของบางแห่งก็หยวนๆกันได้บางแห่งก็เขี้ยวมาก
  ถ้าดอกเบี้ยธนาคารเพิ่มขึ้น เจ้าของบางแห่ง
 จะขยับราคาเช่าสูงขึ้น บางแห่งอาจจะเท่าเดิม
 เพราะคิดNK เอาไว้มากแล้ว แต่ถ้าดอกเบี้ยธนาคารลดลง
 เขาก็ลดราคาค่าเช่าให้ บางแห่งจะถือโอกาสไม่ลดให้เรา
  ถ้าเป็นแบบนี้เราต้องยื่นเรื่องขอเงินคืน
 
 การซื้อบ้านเหมาะสำหรับคนมีลูกที่ยังเล็กอยู่  แต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก
 ไม่ว่าอะไรทุกอย่าง เราต้องออกเองหมดคนเดียว  
 ดีตรงที่เป็นอิสระเท่านั้น แต่ถ้าคิดถึง NK (รวมทุกอย่าง)
  แล้วหน้ามืดมาก  
 
 แต่ถ้าแก่แบบป้า หรือคนแก่ที่ลูกเต้าไม่อยู่ด้วยซื้อWohnung
  ดีที่สุดและต้องดูว่าไกลจากชุมนุมชนไหม  ถ้าแก่เดินกระโดกกระเดกกว่าจะซื้อของได้เป็นลมคาร้านเสียก่อนอย่าเอา ภาษีบ้านแล้วแต่เขตที่อยู่บางแห่งจะถูกมาก บางแห่งจะแพงแล้วแต่รัฐที่อยู่
 
 

pall

รอให้คนที่เขาซื้อบ้านคนอื่นๆมาตอบด้วย
 จะดีกว่า  คนที่เขาซื้อบ้านคนอื่นอาจจะรู้ดีกว่าป้า
 

black tea

มานั่งฟังป้าเล่าเรื่องซื้อบ้านแล้วพลอยหน้ามืดแทนคนซื้อบ้านค่ะ
 เพราะมันมีรายจ่ายเยอะแยะไปหมด
 ชาดำไม่ชอบพูดถึงรายจ่ายค่ะ อิอิ

ป้าพร Stockholm

อื่ม ฟังป้าจ๋าเล่าเรื่องซื้อบ้าน  ชาตินี้ คงอยู่บ้านเช่าไปตลอดชาติ จ๊ะ ป้าจ๋า       เพราะเดี๊ยวแก่แล้ว ก็ต้องย้ายไปอยู่บ้าน พัก คนชรา แล้ว ไม่มีแรง  เดินขึ้น บันได มาชั้น สอง   อิ  อิ
 
 ป้าพร ก็จะคอยมาฟังคนที่ ซื้อบ้านมาถ่ายทอด ประสบการณ์ ให้ฟังเหมือนกันจ๊ะ

ป้อม

. . .ถ้าไป ไปอยู่ป้อมขอไปอยู่ กะ พี่ๆป้าๆ แล้วกานนะค่ะ 555555555 ไม่เสียตังค์ :D  
 

pall

บ้านพักคนชราไม่เอา** น้องพร ** ป้าชอบเดินไปดูคนแก่
 น่าสงสารมากถ้าเป็นคนแก่คนรวยๆบ้านพักน่าอยู่มากเลย
 แต่ถ้าเป็นแบบรัฐบาลช่วยไท้ค่อยน่าอยู่เท่าไรเลย
 
 เรื่องบ้านป้าก็ไม่สนใจหรอกอยู่แบบอพาตเม้นต์ดีกว่า
 แต่ขออยู่แบบชั้นล่างเพราะชอบสวนสวยๆ  และ
 ชอบมีเตาผิงแบบนี้เพราะเป็นคนค่อนข้างจะชอบเล่นไฟ
 ทั้งลุงและป้า  ลุงแกชอบมากก่อไฟ  นี่เห็นหอบฟืนมาเก็บเป็นตั้งๆ
 
 **น้องปอม**หัวคิดเจ๋งมาก
 
 อย่าง**ชาดำ**ไม่ต้องปวดหัวหรอกจ๊ะ
 มาช๊อปิ้งอย่างเดียวดีกว่า  นี่ของกำลังลดราคาที่นี่นะ
 พวกน้ำหอมตอนนี้ลดร่วม40%
 

ป้าพร Stockholm

5555555555555  ป้าจ๋า  เดี๊ยวพอเรา แก่แล้ว เราก็มองไม่ค่อยจะเห็นอีกแหละ ว่าบ้านสวยแค่ไหน  อิ  อิ   สายตาก็จะสั้นลงหนะซิ ป้า อิ อิ                นั่นคงเป็นวาระ สุดท้าย  ตอนนี้ยังไม่สุดท้าย ก็ขอมีความสุข  กับลูก กับปั๋ว ครอบครัว เพื่อนฝูงกันไปก่อน นะป้านะ  อิ  อิ