News:

ยินดีต้อนรับ สู่ Pall Swiss เว็บบอร์ดตัวใหม่

Main Menu

*** Kartoffeln ***

Started by pall, December 09, 2003, 06:13:54 PM

Previous topic - Next topic

pall



** มันฝรั่ง **
พูดถึงมันแล้วนึกถึงลุง.....แกชอบมากเรื่องกินมันมาก จะให้ป้าทำอาหารให้กินแทบทุกมื้อเลย
ขนาดไป กินที่เหลา แกยังสั่งมันฝรั่งมากิน ด้วยความชอบกินมัน   แกจึงปลูกมันกินเอง ทุกปี
ป้าจะต้องเป็นลูกมือลุงแก แบบไม่สมัครใจจะต้องไปเลือกมันที่จะนำมาปลูกที่สวน  ปีหนึ่งเราปลูกหลายพันธ์และหลายชนิด
และปลูกไว้ร่วมๆ100 กิโล เชื่อแล้วใช่ไหมว่า  แกกินมันเก่งมาก แกเป็นฝรั่งก็เลยกินมันฝรั่ง
และไม่นานพอกินหมดก็ต้องไปซื้อที่บ้านชาวนา เพราะขายถูกกว่าในร้าน ซึ่งขายถูกมาก แค่กก.ละ .70Rappen(รัพเพิน)  


**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0086 ห้อง pallswiss (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

pall

#1



ภาพที่เห็นข้างบนนี้คือลักษณะของมันที่เริ่มงอกเพื่อจะนำลงปลูก ทุกปีลุงจะตะเวนไปหาซื้อพันธ์มันฝรั่งมาปลูก
พอซื้อชนิดของมันมาเสร็จ ป้าต้องเป็นคนจัดการเอาใส่ถาด และโรยผงป้องกันเชื้อราและนำไปวางไว้ที่กลางแจ้งมีแดดส่องหน่อยแต่ห้ามตากแดดนะ และคอยดูจนมันเริ่มงอก พอเริ่มโตได้นิดหน่อยก็จะนำไปลงดิน หลังจากนั้น
ก็ไปช่วยลุงแกนำมันไปลงดินที่แกยกเป็นร่อง  แกต้องกะเล็งระยะให้เท่ากันเดะเลย ป้านี้เซ็งมาก  
บางครั้งทะเลาะกันแทบจะไม่ได้ปลูกมันเลย  แกบอกว่าที่ต้องกะระยะเวลามันๆออกลูกจะได้มีบริเวณไง  
ไม่เชื่อให้ป้าไปขุดที่ชาวนาเขาปลูกซีแล้วจะเห็น  ขืนป้าทำตามไปขุดที่ชาวนาปลูกสงสัยเขาดีดป้าออกมาแน่ๆ  
คำแนะนำของแกแต่ละอย่างเจ๋งมาก ป้าเลยต้องเออออกับแก กัดฟันเอามันลงหลุม และลุงแกเอากระดูกป่นโรย
เพื่อช่วยเร่งให้มันโตเจริญงอกงาม หลังจากนั้น    แกก็เอาดินกลบทุกๆวันแกจะยกร่องให้สูงเ
พื่อให้ดินโปร่งอากาศถ่ายเทได้ดี แบบนี้ทำให้ต้นมันโตไว  ไม่ช้าลำต้นก็จะแทงขึ้นมาข้างบน ลุงแกจะยกร่องแบบนี้ทุกวัน
ต้นมันของแกนี่งามมากเลยและมีรสอร่อยมาก ผิดจากที่ซื้อมาจากร้านค้าหรือบ้านชาวนา  
แกมีปุ๋ยธรรมชาติที่เราเอามาจากพวกผักและผลไม้ มาทิ้งไว้ในตะกร้าใหญ่ที่สำหรับทำปุ๋ยโดยเฉพาะ  
มันของแกจะเริ่มออกดอกสวยมาก

pall

#2



ศัตรูตัวร้ายคือแมลงตามที่เห็น  บางปีป้าต้องช่วยลุงจับร่วมครึ่งกระถาง พวกแมลงพวกนี้มันชอบมากินใบ หลังจากที่ดอกเริ่มโรย
จะออกเป็นเมล็ดตูมๆห้อยและหลังจากนั้น ใบเริ่มออกสีเหลืองแห้งเราก็จะดึงต้นมันทิ้งและขุดขึ้นมา
ตอนขุดต้องระวังให้มากเพราะมันฝรั่งขึ้นเต็มไปหมด  ถ้าไม่ระวังจะไปแทงทำให้ผลเสียหาย  

pall

#3



ตอนนี้ชาวนาสวิสเริ่มหาพันธ์ใหม่มาปลูกเป็นสีน้ำเงิน แต่ป้ากับลุงไม่ชอบเพราะเหนียวไม่อร่อย  
ลืมบอกไปว่ามัน ประมาณ 5 กิโล ถ้าปลูกแล้วจะได้มันร่วม 50 กิโล  คิดดูซีลุงแกปลูกปีละ 10 กิโล ถึงได้ร่วม100 กิโล

pall

#4



**ประวัติของมันฝรั่ง **  
 
มันฝรั่งประวัติของมันมีมากมายและคนเขียนต่างๆกันไป เลือกอ่านกันเอาเองก็แล้วกัน  
มันฝรั่งประวัติเริ่มต้นมาก่อน 6000 ปีแล้วที่อเมริกาใต้  ชาวอินคาประเทศเปรูเป็นชาติแรกที่เริ่มต้นการปลูกมันฝรั่ง
คนพื้นเมืองที่โน่นเรียกมันฝรั่ง potatoว่า Papas   พันธ์มันฝรั่งมีมากกว่า 400 พันธ์  
ต่อมาEroberer Pedro Cieza de León  ชาวเสปนไปพบก็นำมาปลูกที่บ้านชาวนา
แต่ไม่ใช่เอามากินนะเอามาปลูกเพื่อความสวยงาม และตบแต่งสถานที่และให้สัตว์กินกัน  
แต่พวกนักเดินเรือได้กินมันเพื่อช่วยรักษาโรโลหิตออกตามไรฟัน

pall




 
 ดอกมันฝรั่งนี่สวยมากและแต่ละพันธ์จะมีดอกไม่เหมือนกันแล้วแต่ชนิดของพันธ์

pall

#6


ความสวยของดอกมันฝรั่งทำให้พระนาง Marie Antoinette
นำเอาดอกมันมาทำเป็นพวงหรีดจัดตกแต่งสถานที่เวลาจัดงานในสวนตอนหน้าร้อน  
คิดกันว่าบุคคลแรกที่นำมันเข้ามาในยุโรป เป็นคนค้าทาสชาวเสปน และชาวไอร์แลนด์ ชื่อว่า John Hawkins
เขานำมาปลูก ในเมือง Irland  และชาวไอร์แลนด์ชอบกินมันฝรั่งกันมากจนเขาเรียกกันว่านักกินมันฝรั่งตัวยง  
บางตำราเก่าๆที่เขียนๆไว้ในปี 1570  ที่เขียนโดย Hieronymus Cardanus  ซึ่งเป็นนักธรรมชาติวิทยา ชาวอิตาลี  
ว่าเป็นคนนำมันมาปลูกในอิตาลี เป็นมันสีน้ำตาล และใช้ชื่อเรียกว่า tartufolo ซึ่งคำนี้มาจากคำว่า Trüffel  
และมีอีกมากมายที่นักประวัติศาสตร์ชอบเอามาอ้างอิง เช่น Sir WalterRaleighที่มีบรรพบุรุษเป็นโจรสลัด  
ของราชินี Elizabeth ที่1 ของอังกฤษ  
 
ที่เยอรมันเขาเล่ากันว่ามันฝรั่งปลูกครั้งแรกที่สวนสมุนไพร  และมีเรื่องเล่ากันสนุกๆไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า
เพราะลุงเป็นผู้เล่าให้ฟัง ถ้าแกเล่าต้องเอาห้าหาร คิดเสียว่าเป็นการเล่าสนุกก็แล้วกันนะ  
แกเล่าเรื่องนี้ป้าฟังแล้วขำมากเลยที่ลุงบอกว่า สมัยของ Friedrich der Grosse (1712-1786)ของเยอรมัน เป็นกษัตริย์ที่เจ๋งมากเลย  พระองค์นี่นั่งคิดนอนคิดว่าจะทำอย่างไร ที่จะให้คนมากินมัน
เพราะในสมัยของพระองค์นี่ทำสงครามบ่อย  และมันก็เป็นอาหารที่มีคุณค่าสูงและปลูกก็ไม่ยาก
จะได้มีอาหาร ตุนไว้ใช้ในยามคับขันเวลาขนมปังหมด  พระองค์คิด จนไม่มีเวลาโกนหนวด ความคิดของพระองค์แล่นปรู๊ด  
ในขณะขยับนิ้วไปมา เลยรีบเรียกท่านนายพล มาพบ (ป้าตั้งชื่อให้ว่าชื่อนายพลยานก็แล้วกัน) พระองค์รีบเรียกเพระกลัวลืม  
และบอกถึงแผนการอันนี้ ท่านนายพลยานก็รับพระคำสั่ง และปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
และเรียกพลทหารเกณฑ์โด่เด่(ป้าตั้งเอง)  พลทหารหมุด(ตั้งเอง)พลทหารหย่อน(ตั้งเอง)
และอีกหลายพลทหารมารับคำสั่งให้มาเฝ้าสวน  ที่พระเจ้าแผ่นดินปลูกมันไว้ แต่กระซิบว่า  
ถ้าใครมาขโมยนี่ห้ามจับนะ พวกทหารนี่รับคำสั่ง พร้อมทั้งทำตาปริบๆๆ แบบตามมุขไม่ทันน่ะ
แต่ก็ต้องทำตามเพราะกลัวโดนจับขังคุกขี้ไก่  แหมแผนการของพระเจ้าแผ่นดินนี่ได้ผลมากเลย  
คนเราถ้ายิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ชาวบ้านก็นึกว่า คงจะเป็นอาหารที่วิเศษมากเลย  
ถึงได้มีทหารมาคุมทั้งกองทัพ ต่างพากันเอากระปงกระป๋องอะไรมาขุดกันให้มั่วไปหมด
แต่ไม่รู้ว่าทำไมไม่เฉลียวใจเลย ว่ามาคุม แต่ไม่จับตอนขุด สงสัยคงขุดกันเพลินเลยลืมนึก
ความลืมตัว ถึงขนาดสั่งให้ทหารโด่เด่  ทหารยานโตงเตงขยับเท้ายังไม่โดนจับ  
จนกระทั้งเกือบหมดสวนพระเจ้าแผ่นดินถึงได้รีบ  ให้ทหารคุมอย่างเหนียวแน่นไม่งั้นพระองค์คงไม่ได้กินมันแน่  
 
ส่วนพวกชาวบ้านที่ขโมยไปก็ไม่รู้จะทำอย่างไร 
ด้วยความโมโห แค้นใจที่โดนหลอกแทนที่จะกอดเมียให้สบายอุราต้องไปเดินขโมยขุดมันตอนกลางค่ำกลางคืน
เลยโยนมันทิ้ง  เผอิญมันหล่นปุ เข้าเตาผิง ตานี้ได้กลิ่นหอมเลยลองเอามากินดู  รสมันเผาอร่อยมากเลยส่งข่าวไปทั่ว
ต่อมากินจนเบื่อกับการโยนมันใส่เตา เลยลองโยนเล่นไปใส่หม้อบ้างและลองเอามากิน รสอร่อยมากอีกเลยได้สูตรใหม่ๆประยุกต์ การกินมันจนถึงปัจจุบัน  
 
ทวีปยุโรปเริ่มยอมรับการกินมันนี่เมื่อ 450 ปีที่ผ่านมา  ว่าไปมันนี่จัดว่าเป็นอาหารที่คุณค่าทางด้านอาหารสูงมาก  
และเมื่อสมัยที่เกิดสงครามในประเทศเยอรมัน มันเป็นอาหารที่ใช้ในการดำรงชีวิต  ตอนนั้นอะไรแร้นแค้นไปหมด  
 
*** มันฝรั่งมีคุณค่าทางสมุนไพรมาก ***  
แก้โรคไอ โรคไอจนลงปอด บำบัดอาการปวดหลังปวดไหล่  
 
** วิธีรักษาของคนสมัยก่อน **  
เขาจะเอามันมาต้มและกดให้เละลงบนผ้าพร้อมทั้งมัดปิดให้แน่น และทำการรักษาแบบนี้  

1. ถ้าไอก็เอามาวางบนหน้าอก  
2.ถ้าปวดหลังปวดไหล่ก็เอามาวางตรงบริเวณที่ปวด ใช้เวลาประมาณ 10 - 15 นาที  

pall

#7
มันฝรั่งมีคุณค่าทางอาหารสูงมากดังนั้นกินมันประมาณ  250 กรัม - 300 กรัมต่อวันก็พอเพียงแล้ว  
 
** ในมันฝรั่ง 100 กรัมจะมีคุณค่า **  
 
Vitamin B1 0,1 mg ช่วยโรคประสาทต่างๆ  
Vitamin B6 0,2 mg ช่วยโรคประสาทต่างๆ  
Eisen 0,8 mg ช่วยพวกโรคโลหิตจาง  
Natrium 3,0 mg ช่วยเพิ่ม Mineral  
Kalzium(แคลเซี่ยม) 10 mg 10 mg ช่วยเรื่องโรคกระดูกและฟัน  
Vitamin C 14 mg ช่วยป้องกันการโรคต่างๆ  
Phosphor 50 mg ช่วยป้องกันโรคกระดูกและฟัน  
Eiweiß 2 g ช่วยรักษาเส้นประสาท  
Kalium 443 mg ช่วยเพิ่มMineral  
Kohlenhydrate 14,8 g ช่วยเพิ่ม Energie  
Kcal / KJ 84 / 357  
 
มีข่าวดีมาบอกจ้าตอนนี้ทางชมรมลดน้ำหนัก เขาเอามันขึ้นตั้งโต๊ะเพื่อลดความอ้วน ถ้าใครอยากผอม,สวย,  
หมวยอึ๋มและเซ็กซี่ๆๆๆๆๆๆต้องมากินมัน  แต่ถ้ากินแล้วไม่อึ๋มห้อยโตงเตงอย่ามาว่ากันนะ
เขาบอกมาแบบนี้ป้าเลยมาบอกข่าวต่อ  
จากการสำรวจสถิติออกมาแล้วว่า มีคนสวิสกินมันกันตกร่วม 100 กก / หัว / ปี  
 
มันมีจำนวนมากมายหลายพันธ์ตามที่บอกมาข้างต้น และการเรียกชื่อก็แตกต่างกันออกไปและตามลักษณะ
ขนาดด้วย   ที่สวิตฯนี่เขาจะเอามันมาขาย  ขนาดตั้งแต่ 42.5 mm,จนถึง 70 mm  
และการเอามาปรุงอาหารนี่ต้องดูตามพันธ์ของมันฝรั่งแล้วแต่ชนิดด้วยจะไม่เหมือนกัน  
 
**  การเก็บรักษามันฝรั่ง **
ถ้าเรามีห้องใต้ดินถ้าอุณหภูมิประมาณ 4 - 8 องศา นี่จะดีทำให้เก็บได้นาน
ถ้าเอามันไว้ที่อุ่นๆมันจะงอกไวนะ และอย่าให้แดดส่องถึง  
สมัยก่อนคนสวิสกินมันกันมากประมาณ 120 กก/ คน/ ปี  ต่อมาลดเหลือ 90 กก/ คน / ปี  
และยิ่งปัจจุบันยิ่งลดลงมากเพราะอาหารพวกฟาสฟูด หรืออาหารอื่นๆเช่น พวกพิชซ่าและอีกมากมาย  
 
พันธ์มันฝรั่งที่คนสวิสนิยมกินกันเช่น

pall


pall


pall


pall


ป้าพร Stockholm

ป้าจ๋า อ่านประวัติ ของมันฝรั่งแล้ว สนุกดี  ตอนนี้น้องพร เองก็ชอบกินมันฝรั่ง มานานแล้วเหมือนกันจ๊ะ          มันสีม่วงที่สวีเดนก็เคยสั่งเข้ามาขาย  แต่ไม่ได้รับความนิยม เลยตกไป    คนยุโรปเนียก็รู้ๆ กันอยู่ ส่วนใหญ่  เขาไม่ค่อยชอบ ลองของใหม่จ๊ะ       แต่ชอบของราคาถูกมาก กว่าจ๊ะ  

นิด

อรุณสวัสดิ์ค่ะป้าจ๋า  นี่ขนาดป้าไม่ค่อยสบาย ยังอุตสามาลงเรื่องมันฝรั่งให้อ่านอีกแล้ว ขอบคุณมากค่ะ

ป้าพร Stockholm

แหม ยังคุยไม่จบ  กดส่งมาเสียนี่  งั้นขอต่อ อีกสักหน่อย  อิ  อิ   โธ่ป้าจ๋า  ถ้าน้องอยู่ใกล้ๆ บ้านป้าจ๋า จะไปขอซื้อ ให้ราคา เป็นสองเท่า เลย
 เพราะ ลุงแกปลูกมันกินเองหนะ   ได้เปรียบมากเลยป้า   ไม่ต้องไปซื้อที่ร้านราคา แพง แถมฝรั่งชาวกสิกรรม ทั้งหลายเนีย พวกก็ต้องใช้สารเคมี ไล่แมลงกันบ้างหละ   ไม่รู้เจอมันสารตกค้าง บ้างเปล่าไม่รู้    ป้าน้องเคยอ่านหนังสือ  เขียนไว้ว่า กินมันเนีย ดีกว่ากินข้าว อีกหนะป้า
 เขายังแนะนำไว้อีกว่า คนที่เป็นเบาหวานเนีย   เปลี่ยนมากินมันบ้างก็ดี
 เพราะมันน้ำตาล อาจจะน้อยกว่า ข้าว ก็เป็นได้  
 เมื่อมาอยู่เมืองนอกใหม่ๆ  กินมันไปแล้ว ก็ต้องมากินข้าวอีก  เพราะเราคิดไปเองว่า เรายังไม่ได้กินข้าว                 ตอนหลังมาเปลี่ยนความคิด  แล้วพวกฝรั่งที่ เขาตัวโตยังกับตึกหนั่นหนะ เขาก็กินมัน กันทั้งนั้น ไม่เห็นเขาตายกันเลย หนะ  อิ อิ         (คนไทยเรากลัวกินมันแล้วคิดว่าไม่อิ่มท้อง เหมือนกินข้าว ก็ลองกินสักโลสองโลซิ  รับรองอิ่มท้องแปร้  เลย อิ อิ )   สำหรับน้องตอนนี้   ทั้งข้าว ทั้ง มัน  ลูกผสมเลย หละป้าจ๋า