News:

ยินดีต้อนรับ สู่ Pall Swiss เว็บบอร์ดตัวใหม่

Main Menu

บันทึกสยามประเทศ ตอนที่1

Started by blacktea, January 25, 2005, 12:26:38 PM

Previous topic - Next topic

blacktea

บันทึกสยามประเทศ
 เมืองไทยเมื่อวันวาน
 
 ตอน  พระราชวงศ์ผู้ทรงงานของไทย
 
 เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค ตุลาคม 1982
 
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีพระแสรับสั่งถึงประชาชนของประองค์ว่า
 “เราคิดว่าคนไทยรู้ซึ้งถึงคุณค่าของประเพณี ประเพณีไม่ได้แปลว่าเชย แม้แต่คนสมัยใหม่
 ก็มีประเพณี”
           “มีผู้กล่าวไว้ว่า ราชอาณาจักรก็เหมือนกับพีระมิด คือกษัตริย์อยู่เหนือสุด และประชาชน
 อยู่ด้านล่าง แต่ในประเทศนี้ ตรงข้ามกัน เพราะเหตุนี้ บางครั้งเราจึงปวดแถวๆ นี้”
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแย้มพระสรวลขณะทรงชี้ที่พระศอและพระอังสา(บ่าหรือไหล่)
           ในช่วงเวลาหลายต่อหลายศตวรรษที่ผ่านมา บทบาทของพระมหากษัตริย์ไทยเปลี่ยนแปรง
 ไปอย่างมาก ดังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัจว่า “พระราชวงศ์ในประเทศนี้ไม่เคยอยู่นิ่งเลย”
           พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชสมภพเมื่อปี พ.ศ. 2470
 ณ เมืองเคมบริดจ์ มลรัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ทรงศึกษาทั้งในสาขาวิทยาศาสตร์
 และกฏหมายที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ขณะเจิรญพระชนมายุได้ 18 พรรษา
 ในฐานะพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ นับแต่นั้นมาก็ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ
 อย่างไม่ทรงเห็นแก่เหน็ดเหนื่อยพระวรกาย เพื่อประโยชน์สุขของทวยราษฎร์เสมอมา
           นอกเหนือจากการเสด็จฯ เยี่ยมพสกนิกรตามหัวเมืองน้อยใหญ่และท้องถิ่นทุรกันดาร
 ตลอดจนการปฏิบัติพระราชกรณียกิจในโอกาสต่างๆ แล้ว ยามที่ประทับอยู่ ณ พระตำหนัก
 จิตลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต พระองค์ก็ไม่ได้ทรงว่างเว้นจากพระราชกิจ เขตพระราชฐาน
 แห่งนี้ สะท้อนถึงความสนพระทัยของพระองค์ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการทดลองปลูกข้าว
 สร้างยุ้งฉาง ตลอดจนแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรต่างๆ เป็นต้น
           พระหว่างประราชสัมภาษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระกระแสรับสั่งเกี่ยวกับ
 เรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบชลประทาน เศรษฐกิจภายในประเทศ การทำเหมืองแร่
 ไปจนถึงงานอดิเรกของพระองค์ เช่น การถ่ายภาพและวาดภาพ ทรงอธิบายว่า “แต่ตอนนี้เลิก
 วาดรูปแล้ว เพราะต้องใช้เวลามาก” ทว่าพระองค์ยังทรงดนตรีและทรงพระราชนิพนธ์บทเพลง
 ที่สะท้อนอยู่ในความไพเราะของบทเพลงประราชนิพนธ์จำนวนมาก
           อย่างไรก็ตาม พระกระแสรับสั่งมักวกกลับมาเข้าเรื่องที่พระองค์เสด็จฯ เยี่ยมเยียน
 ราษฎรในพื้นที่ต่างๆ เสมอ
 

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0526 ห้อง pallswiss (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

blacktea

          “คนไทยรักสงบ แต่ก็ตระหนักดีว่าประเทศจะต้องมีความเข้มแข็งทางทหาร เราเคยไป
 ที่จังหวัดใกล้ๆ กรุงเทพฯ แล้วมีคนเมาคนหนึ่งเข้ามาหา องครักษ์คงไม่สบายใจนัก เราเข้าใจดี
 ผู้ชายคนนั้นบอกว่าเคยเป็นทหาร เคยรับใช้ชาติ ลูกชายเขาก็จะเป็นทหารด้วย และถ้าไม่มีทหาร
 พระเทศเราจะไม่เป็นเอกราชอย่างนี้ เขาว่ากันว่าคนเมามักจะพูดความจริง”
           “เดือนที่แล้วนี่เอง เราเดินทางไปภาคใต้ ตอนเข้าไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชาวบ้านคนหนึ่ง
 บอกว่ามีลูกสาวและลูกชายอย่างละคน แล้วถามเราว่า ชาวมุสลิมเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร
 ได้หรือเปล่า เราตอบว่า ได้แน่นอน ถ้าเด็กคนนั้นเป็นคนดี แข็งแรง แล้วก็ฉลาด เขาก็สมัคร
 เข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ แล้วเราก็ถามเขาว่า ลูกชายเขาอายุเท่าไร เขาบอกว่า หกเดือน”
 ทรงพระสรวล “เขาอยากให้ลูกชายปกป้องประเทศชาติ เขาบอกว่า ชาวมุสลิมเป็นคนไทยแท้ๆ”
           ทรงเล็งเห็นการรุกรานหลากหลายรูปแบบ (เมืองไทยในขณะนั้นยังประสบปัญหาการ
 คุกคามจากภัยคอมมิวนิสต์และยาเสพติด โดยเฉพาะฝิ่นและเฮโรอีน...กองบรรณาธิการ)
 “วิธีล่าสุดคือค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาครอบงำจิตใจผู้คน เราเรียกวิธีนี้ว่าสงครามจิตวิทยา
 รุกเข้ามาในความคิด” และเพื่อหลีกเลี่ยงการรุกรานลักษณะนี้ รัฐบาลจะต้องแสดงให้เห็น
 ความเข้าอกเข้าใจและความอดทน เหมือนอย่างเรื่องฝิ่น ทรงมีพระกระแสรบสั่งต่อไปว่า
 “เราไม่ปฏิเสธว่ายังมีการปลูกฝิ่นในประเทศ แต่มีอยู่น้อยมาก ปัญหาของฝิ่นคือการใช้
 เมืองไทยเป็นทางผ่าน คนที่ปลูกฝิ่นได้ราคาไม่ถึงหนึ่งในพันของราคาที่เอาไปขายกันด้วยซ้ำ
 เราพยายามให้ประชาชนหันมาปลูกพืชอื่นทดแทน กว่าจะเริ่มได้ก็ต้องใช้เวลาหลายปี
 ตอนแรกเรานั่งรถเข้าไป บางทีก็เดินเท้า แล้วก็นั่งเฮลิคอปเตอร์เข้าไป บางครั้งลงจอด
 กลางไร่ฝิ่นเลย เราต้องระวังเพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่าการปลูกฝิ่นนั้นไม่ดีอย่างไร
           “ครั้งหนึ่งเราเคยเดินอยู่เป็นชั่วโมงเพื่อเข้าไปไร่ฝิ่น ดินดูไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์เท่าไร
 ชาวไร่เองก็บอกว่า “ใช่ครับ ดินเสื่อมแล้ว ไม่มีปุ๋ยจะใส่ครับ” เราก็บอกว่าจะให้ปุ๋ย
 ถ้าพวกเขาเลิกปลูกฝิ่นแล้วหันมาปลูกถั่วแทน ชาวไร่ขอเวลาปรึกษากันก่อน ผ่านไป
 สิบห้านาทีก็กลับมาบอกว่า “ตกลงครับ” ทีนี้ พอปีถัดมา เราก็กลับไปอีก ปรากฎว่า
 ชาวไร่ปลูกถั่วครึ่งหนึ่ง ปลูกฝิ่นครึ่งหนึ่ง แล้วถั่วก็ได้ผลดีกว่า ชาวไร่เลยขอถั่วเพิ่มอีก
 ปีต่อมาก็ปลูกฝิ่นร้อยละ 25 ค่อยๆ ลดลงอย่างนี้ เราต้องอดทน ถ้าเราเอาแต่ทำลายไร่ฝิ่น
 ชาวไร่ก็ต้องอดอยาก แล้วคงไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงต้องต่อต้านพวกเขา”
           ในการเสด็จเยือนหัวเมืองน้อยใหญ่ต่างๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จ
 พระนางเจ้าฯ พระบรมราชีนีนาถทรงเผชิญกันอันตรายทั้งจากผู้ต้องการแบ่งแยกดินแดน
 และกบฎคอมมิวนิสต์  
           “อันตรายน่ะหรือ” ทรงย้ำ “อันตรายซึ่งเป็นที่รู้กันทั่วไปก็คือภัยจากลัทธิคอมมิวนิสต์
 แต่ที่อันตรายกว่านั้นคือความละโมบของคนในประเทศเอง ถ้าเราแตกแยกกันเอง เราก็จะ
 กลายเป็นทาสของจักรวรรดินิยมยุคใหม่ จะเป็นคอมมิวนิสต์ หรือเผด็จการ  
 หรืออะไรก็ตามแต่”
 
 
 

blacktea

          ทรงเชื่อมั่นในประชาชนชาวไทย  “ชาวไทยดูสบายๆ แต่ก็เข้มแข็ง คนไทย
 ไม่เครียด มีน้ำใจแม้แต่กับคนแปลกหน้า และเปิดกว้างกับความคิดใหม่ๆ คนส่วนใหญ่
 เป็นชาวพุทธที่สุภาพ กล้าหาญแต่ไม่ก้าวร้าว เข้มแข็งแต่อ่อนโยน”
           ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถก็ทรงปฎิบัติพระราชกิจหลากหลายด้าน
 นอกจากจะทรงตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปยังพื้นที่*งไกลแล้ว ยังทรง
 ส่งเสริมงานหัตถกรรมเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ชนบท อาทิ ที่จังหวัด
 เพชรบุรีทรงริเริ่มโครงการผลิตกระเป๋าและรองเท้าสานจากกระจูดและหวาย ทรงส่งเสริม
 ให้ชาวบ้านสตรีในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ผลิตดอกไม้ประดิษฐ์ ทรงฟื้นฟูศิลปะการทำ
 ตุ๊กตาดินเผาชาววัง และส่งผู้เชี่ยวชาญไปสอนสตรีชาวอยุธยาทอผ้า เป็นต้น
           ทรงใช้โอกาสที่ได้เสด็จฯ เยือนต่างประเทศในฐานะฑูตสันถวไมตรี ส่งเสริม
 ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยด้วยฉลองพระองค์ที่ตัดเย็บจากไหมไทยซึ่งทั้งประณีตและงดงาม
 นอกจากนี้ ยังทรงพระปรีชาสามารถในด้านการจัดการส่งเสริมการทำงานของสภากาชาดไทย
 เพื่อให้ความอนุเคราะห์แก่เด็กกำพร้า ทหารที่ได้รับบาดเจ็บและผู้ประสบอุทกภัย เป็นต้น
           หลายปีก่อน เมื่อผู้สัมภาษณ์ทูลถามถึงงานอดิเรกของพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ
 พระบรมราชินีนาถตรัสว่า “ดูแลลูกๆ” บัดนี้ เจ้าฟ้าชายพระองค์หนึ่งและเจ้าฟ้าหญิง
 อีกสามพระองค์ต่างเจริญพระชันษาขึ้นแล้ว และทรงปฎิบัติพระราชกิจเพื่อประโยชน์สุข
 ของประชาราษฏร์เช่นเดียวกับพระชนกชนนี ไม่ว่าจะเป็นการตามเสด็จเยี่ยมเยียนราษฏร
 ในพื้นที่ต่างๆ ต้อนรับคณะทูตานุทูต หรือแม้แต่จับมือประชาชนผู้มารอเฝ้าฯ ชื่นชม
 พระบารมี
           นายแพทย์จินดา สนิทวงศ์ ณ อยุธยา แพทย์ประจำพระองค์ในขณะนั้น กล่าวว่า
 “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชกิจหนักเกินไปครับ” แม้ว่าพระองค์จะทรง
 ออกกำลังกายทุกวัน แต่คุณหมอก็ยัง “อยากให้เสด็จแปรพระราชฐานเพื่อทรงพักผ่อนเป็น
 ประจำทุกปี”
           ทว่าประชาชนชาวไทยทุกคนย่อมตระหนักดีว่า พระองค์คงไม่อาจทรงปล่อยวาง
 จากพระราชกิจต่างๆ ได้ เพราะความห่วงใยราษฎรและความตั้งพระทัยอันแน่วแน่ที่จะอุทิศ
 พระองค์เพื่อ “ประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ดังบทพระราชนิพนธ์ “เดินตามรอยเท้าพ่อ”
 ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งได้ตามเสด็จพระราชบิดาไปยังพื้นที่
 *งไกลหลายต่อหลายแห่ง ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ว่า
 

blacktea

“ฉันเดินตามรอยเท้าอันรวดเร็วของพ่อโดยไม่หยุด
 ผ่านเข้าไปในป่าใหญ่ น่ากลัว ทึบ
 แผ่ไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด มืดและกว้าง
 มีต้นไม้ใหญ่ใหญ่เหมือนหอคอยที่เข้มแข็ง
 พ่อจ๋า... ลูกหิวจะตายอยู่แล้วและเหนื่อยด้วย
 ดูซิ่จ๊ะ... เลือดไหลออกมาจากเท้าทั้งสองที่บาดเจ็บของลูก
 ลูกกลัวงู เสือ และหมาป่า
 พ่อจ๋า... เราจะถึงจุดหมายปลายทางไหม?
 ลูกเอ๋ย... ในโลกนี้ไม่มีที่ไหนดอกที่มีความรื่นรมย์
 และความสบายสำหรับเจ้า
 ทางของเรามิได้ปูด้วยดอกไม้สวยสวย
 จงไปเถิด แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่บีบคั้นหัวใจเจ้า
 พ่อเห็นแล้วว่า หนามตำเนื้ออ่อนอ่อนของเจ้า
 เลือดของเจ้าเปรียบดั่งทับทิมบนใบหญ้าใกล้น้ำ
 น้ำตาของเจ้าที่ไหลต้องพุ่มไม้สีเขียว
 เปรียบดังเพชรบนมรกตที่แสดงความงามเต็มที่
 เพื่อมนุษยชาติ จงอย่าละความกล้า
 เมื่อเผชิญกับความทุกข์ให้อดทนและสุขุม
 และจงมีความสุขที่ได้ยึดอุดมการณ์ที่มีค่า
 ไปเถิด... ถ้าเจ้าต้องการเดินตามรอยเท้าพ่อ”
 

blacktea

อ้างอิงจาก  
 National Geographic  
 ฉบับ เดือนมกราคม 2548
 
 สวัสดีค่ะทุกคน
 วันนี้มาแปลก อิอิ
 พอดีเห็นว่าเป็นส*๊ปดีๆ  
 เลยอยากเอามาแบ่งกันอ่านค่ะ
 ชาดำรับหนังสือ National Geographic
 ฉบับภาษาไทยเป็นประจำอยู่แล้วค่ะ
 เลยตั้งใจว่า อยากจะเอาบางบทความ
 มาแบ่งให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในนี้ได้อ่านด้วยกัน
 ไม่ว่ากันนะคะ ถ้าจะน่าเบื่อไปหน่อย

นิด( แม่ลูกหมูสามตัว)




 @@ ความรู้ ไม่มีคำว่า น่าเบื่อ สำหรับคนที่ใฝ่หา  @@
 ชอบใจน้องชาดำ ที่มาแบ่งปันเรื่องดีๆให้กันค่ะ

blacktea

กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หน้าม้าทำงานแล้ว อิอิ
 พี่นิดขา ขอทวงสูตรและวิธีทำ(เรียกไรหนอ)
 ที่เป็นผักๆ ซุปๆ อะไรนั่นด้วยค่ะ
 
 เดี๋ยวๆ ไปถ่ายรูปกล้วยไม้มาอวดบ้างว่า งามขนาดไหน

blacktea




เอามาให้พี่นิดดู ขอบคุณสำหรับ บิวตี้ฟูล เหล่านี้ค่ะ

blacktea




ดูช่อนี้ด้วยค่ะ กำลังเต่งตูมรอวันเบ่งบาน

นิด( แม่ลูกหมูสามตัว)

ขอกรี๊ดดดดๆมั้ง ทำไมดอกกล้วยไม้ตัวเองออกงามกว่าของเค้างะ ซื้อมาก็ร้านเดี๋ยวกันพร้อมกันกรี๊ดดดดไม่ยอม 55555 .
 เลี้ยงเค้าดีๆ เค้าก็รักเราเหมือนที่เรารักเค้า กฃฃฃ้จะออกดอกมาให้เห็นให้ชมบ่อยๆอย่างนี้

pall

 
 มากรี๊ดด้วยคนจ้า
 หน้าม้าที่สองตามติดมา*งๆ....แบบหลายช่วงตัว555555
 (ยกให้นิดเป็นลูกพี่...)
 
 กล้วยไม้ถ้าจะปาทิ้ง...ทิ้งมาให้ลุงแกเลี้ยงต้อยก็ได้นะ
 เอาแต่ดอกกล้วยไม้.....
 
 ขอบใจชาดำมากเลยสำหรับข้อความดีๆ
 อ่านเสร็จแล้วได้ข้อคิดหลายๆอย่าง...