จับเข่าคุยกัน เรื่องระบบการศึกษาของลูกในสวิตเซอร์แลนด์

Started by นิด (แม่ลูกหมูสามตัว), March 12, 2005, 12:16:11 PM

Previous topic - Next topic

pall

D.**Oberstufe**
เป็นการเรียนชั้นป.7- ชั้นป.9  แบ่งเป็น2ระดับ
 
** Realniveau**
จะเป็นเด็กที่ไม่สามารถเข้าเรียนSekundar...ได้ ก็จะเริ่มเข้ารับการศึกษาระดับนี้ คือชั้นป.7ถึงชั้นป.9
พอย่างเข้าชั้นป.8. เด็กก็จะได้รับคำแนะนำจาก Berufberatung เพื่อเลือกอาชีพที่ต้องการเรียนเพื่อออกมาประกอบอาชีพในภายภาคหน้า   เด็กก็จะเรียนจนจบป.9 หลังจากนั้นก็ออกมาเรียนวิชาที่ตัวเองเลือกไว้
 
**ข้อยกเว้น**
มีบางGemeinde ให้โอกาสกับเด็กที่เรียนชั้นป.7และได้คะแนนดี อยากเรียนอีกระดับหนึ่งก็สามารถเข้าเรียนได้
ระดับ**Sekundarstufe….I….*** เป็นการให้โอกาสแก่เด็กที่มีความตื่นตัวภายหลัง
 
**Sekundarstufe….I….***
เป็นการคัดเลือกเด็กจากชั้นป.6ที่มีสมองดีระดับSekundarniveauให้เข้าไปเรียนชั้นป.7จนถึงชั้นป.9ได้เลย
เด็กที่เข้าเรียนระดับ Sekundarstufe….I  จะต้องเก่งพวก
Franzoesisch
Deutsch
Mathematik
ซึ่งเป็นหัวใจHauptfaecherของการเรียนระดับนี้
**เมื่อเด็กจบชั้นป.9**
ไม่อยากเรียนต่อ...พอเข้าชั้นป.8  ทาง Berufberatungก็จะให้การแนะนำเกี่ยวกับอาชีพที่ตัวเองชอบ
เด็กที่จบการศึกษาระดับนี้จะมีอาชีพเลือกที่ดีกว่าเด็กที่จบมาจาก Realniveau
เด็กจะสามารถเลือกอาชีพได้มากมายหลายอย่างและniveau จะสูงขึ้นไปอีกยกตัวอย่างเช่น
Berufsmittelschule
Berufsmatura เช่นTechnikum
ฯลฯ.........................
 
**แต่.................**
ถ้าเด็กที่มีความพยายามสูงและรักเรียนต่อก็จะพยายามตั้งใจเรียน และสอบเข้าเพื่อไปเรียนSekundarstufe….II
เด็กจะต้องมีความตั้งใจเรียนมาก   อาจจะมีการเรียนแบบSpez-sek  เด็กจะมีชม.เรียนมากกว่าเดิม
 
*** Sekundarstufe….II..**
เป็นการเรียนระดับ **GYMNASIUM** การเรียนชั้นนี้เด็กจะต้องออกค่าใช้จ่ายพวกหนังสือ
อุปกรณ์การเรียนเอง  ซึ่งบางอย่างมีราคาแพงพอสมควร  การเรียนระดับนี้เด็กจะต้องตั้งใจเรียนมาก
การเรียนจะใช้เวลาประมาณ4ปี  หลัง4ปีก็จะมี Abschlusspruefung
เป็นการสอบเพื่อให้ได้ใบDiplom  ถ้าสอบผ่านก็จะได้ใบที่เราเรียกว่า ***Matura*** ซึ่งมีความสำคัญมาก เป็นใบเบิกทางที่จะเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย Studium an Uni
การเรียนระดับนี้ไม่ฟรี  ถ้าใครไม่มีเงินก็สามารถไปขอทุนการศึกษาได้  จะได้รับทุนหรือไม่แล้วแต่การตัดสินใจ
ของKanton
 
ที่บอกมานี่คือระดับการศึกษาของ**KANTON  BERN** จะเขียนใหม่สั้นๆเพื่อง่ายต่อความเข้าใจ

pall

สรุประดับการศึกษาของ**KANTON  BERN**
 
A.** Basisstufe**
ชั้นป.1และชั้นป.2

B.***Unterstufe**
การเรียนชั้นป.3และป.4
 
C.**Mittelstufe**
เป็นการเรียนชั้นป.5และป.6 จะเริ่มแบ่งเป็นระดับหัวสมองเด็ก Realniveau และ Sekundarniveau
 
D.**Oberstufe**

**Sekundarstufe….I..**
เป็นการเรียนชั้นป.7 - ชั้นป.9
หลังจากเด็กที่มีสมองระดับ** Realniveau** เมื่อเรียนจบป.9แล้วก็ก็จะเรียนวิชาชีพ
เด็กที่มีสมองระดับ Sekundarniveau ก็จะเข้าเรียนต่อ.ในชั้นสูงต่อไปซึ่งเป็นขั้น
**Sekundarstufe….II..**
แต่ถ้าไม่อยากเรียนก็หาเรียนวิชาชีพ
 
**Sekundarstufe….II..**
เป็นการเรียนระดับ **GYMNASIUM**เรียน4ปีจึงจะสอบเพื่อให้ได้ใบ**Matura***
พอเด็กสอบได้ใบ** Matura*** ก็เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย.
 

pall

ป้าพยายามเขียนได้แค่นี้..
 ยอมรับว่ากว่าจะเขียนจบใช้เวลานานมาก
 ร่วม3ชม.เพราะการเขียนไม่ง่ายเลย
 ซับซ้อนมาก...
 
 จะเห็นว่าของ**KANTON BERN**  
 
 แตกต่างกันออกไป....
 อยากให้คนที่อยู่รัฐอื่นเข้ามาคุยกันด้วยจ๊ะ

pall

สวัสดีจ๊ะมิโกะ
 เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ?รีบมีตัวน้อยไวๆนะ
 มิโกะหาแมวมาเลี้ยงใหม่หรือยังจ๊ะ

pall

**บี**
 ถ้าบีฟังเสร็จรีบมีไวๆนะ
 
 
 **เกตุ**
 เป็นอย่างไรบ้างงงง
 จับคอมได้ก่อนนะแล้วค่อยคุยกันใหม่
 
 **ส้มตำ**
 ส้มตำจ๊ะ
 มาช่วยเขียนเล่าเขตที่ส้มตำอยู่บ้างซีจ๊ะ
 ป้าไม่รู้ว่าเขตที่ส้มตำอยุ่เด็กเรียนแตกต่างกับเขตอื่นมากไหม?
 ดีมากๆเลยยิ่งลูกเพิ่งเรียนแบบนี้ได้ประสบการณ์ดีมากเลยจ๊ะ
 ป้าจะรอฟังนะ.

blacktea

ยอมรับว่าน่าสนใจมากๆ กับหัวข้อนี้
 แต่เพราะมันไกลตัวอยู่ เลยทำให้เข้าใจยาก ฮิฮิ
 พี่สะใภ้เป็นครู  หลานสาวคนโตกำลังเรียนเป็นครู อยู่ ปี 2
 เดี๋ยวมีเวลาจะไปคุยกับเขาดูค่ะ  
 ขอบคุณป้ามากๆ ค่ะที่เขียนเล่าให้ฟัง
 แต่ยังไม่อยากมีตัวเล็กตัวน้อยค่ะ
 ชาดำเป็นตัวเล็กตัวน้อยของคุณผู้ชายคนเดียวพอแล้ว
 กลัวคนมาแย่งความรักอ่ะค่ะ
 
 

ตุ้ม

น่าสนใจค่ะในคำตอบได้รับความรู้ขั้นมาอีก  ไม่เคยมีประสบการณ์ค่ะเพราะลูกๆเรียนโรงเรียนนานาชาติและเค้าใช้ระบบสากลกับอเมริกันค่ะ

นิด( แม่ลูกหมูสามตัว)




ตอนนี้ ลูกๆนิด อยู่ Klasse.5 กับ 2 ยอมรับว่า พยายามหาข้อมูลและให้ความสนใจเรื่องโรงเรียนลูกมากๆ เพราะตัวเองไม่ได้มาเติบโตเรียนหนังสือที่นี้ จึงไม่สามารถเข้าใจและรู้ระบบต่างๆของสวิตทั้งหมด นิดเองมีหน้าที่รับผิดชอบ และ ตัดสินใจ เรื่องเรียน เรื่องกิจกรรมพิเศษ ต่างๆของลูกๆ จะมีนัดคุยกับ ครูแนะแนว และ ครูช่วยเรื่องฝึกการออกเสียง ภาษาเยอรมันของลูกสาว Logopädieser Dienst ซึ่งทางโรงเรียนจะจ่ายค่าสอนพิเศษนี้ให้ 80 ชั่วโมง หากเด็กคนไหนต้องใช้เวลามากเกินอัตราที่โรงเรียนจ่ายให้ ก็จะต้องทำเรื่องขอเงินช่วยจากรัฐ ที่เรียกว่า  IV แต่เด็กจะถูกส่งไปตรวจสุขภาพทางสายตา หู ปาก และแนบผลการตรวจ ใบแพทย์ไปกับแบบฟร์อมขอเงินช่วยตรงนี้ .
 ####  การที่ลูกเราต้องไปหาครูแนะแนว ไปเรียนกับครูสอนภาษาพิเศษ หรือแม้แต่ต้องไปขอเงินจาก IV มา ไม่ได้หมายความว่า ลูกเราผิดปกติพิกลพิการ เป็นโรคจิต เป็นเด็กปัญญาอ่อน สมองช้า อยากให้ผู้ปกครองหลายๆคน ทำความเข้าใจตรงนี้เสียใหม่ ว่าเป็นสิ่งที่ดี ครูอาจแนะแนวทางที่ให้เราช่วยลูกให้พัฒนาการเรียนได้ดีขึ้น ####  อย่างของลูกนิด ครูได้ให้เหตุผลมาจาก ลูกสาวเป็นเด็กแฝด ( ซึ่งมีคู่แฝดชาย อีกสองคู่ เพื่อนน้องแฝด ต้องไปเรียนพิเศษเหมือนกัน ทั้งที่เป็นเด็กสวิตแท้ๆ ) และเค้าเกิดต้นเดือนสิงหา ที่เป็นเดือนเริ่มเทอมการศึกษาใหม่ของทุกๆปี ซึ่งเพื่อนในห้องเค้าหลายคนเกิดในเดือนต้นๆปี ซึ่งเท่ากับมีอายุมากกว่า เช่น ตอนนี้ น้องแฝด 8 ขวบ แต่เพื่อนร่วมชั้น อายุ 9 ขวบไปแล้ว การพัฒนาจึงอาจช้าไปกว่าเด็กอื่นในห้อง แต่ไม่ได้*งกันถึงกับตามไม่ทันเพื่อน และครอบครัวเราเป็นคนไทยทั้งบ้าน ตัวนิดเองก็ไม่ถึงกับเก่งเพอเฟค ในภาษาเยอรมัน ทุกวันนี้ยังไปนั่งเรียนอยู่เลย เพื่อที่จะช่วยลูกอีกทาง  ( ถ้าแม่ปูยังเดินเบี้ยว ลูกปูก็เบี้ยวตาม ) ส่วนลูกชายไม่มีปัญหาในเรื่องภาษาเพราะเค้าไปอยู่โรงเรียนประจำ Schulheim มาสี่ปี กลับกลายเป็นว่า พูดออกสำเนียงไทยไม่ค่อยชัด ทั้งที่ ที่บ้านเราจะพูดแต่ภาษาไทย เพราะครูได้แนะนำมาว่า เด็กควรพูดและเข้าใจภาษาแม่ได้ก่อน แล้วเค้าจะสามารถ เรียน ทำความเข้าใจภาษาอื่นๆต่อไปได้ดี. @@ ต้นไม้ที่จะเติบโตสูงตะหง่านแข็งเกร่ง ต้าน แดด ลม ฝน ได้ ต้องมีรากหยั่งลึก ดูดซับสารอาหาร ที่แข็งแรง เช่นเดียวกับคน ที่จะเติบโต อย่างมีคุณภาพ ต้องมีพื้นฐาน จิตใจ การเลี้ยงดู ครอบครัว สิ่งแวดล้อมที่ดี @@

เอค่ะ

สวัสดีค่ะ พอดีมีความจำเป็นจะต้องไปอยู่ที่สวิส 2 ปี เนื่องจากต้องตามสามีไปประจำที่สวิส แต่ตอนนี้กำลังตัดสินใจว่าจะตามไปดีหรือเปล่าเนื่องจากตัวเองก็มีงานทำประจำอยู่ ก็เสียดาย และทราบมาว่าค่าครองชีพที่สวิสแพงมาก และห่วงเรื่องเรียนของลูกด้วยค่ะ เลยอยากจะขอคำแนะนำและขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ
 1. เรื่องค่าครองชีพที่สวิส และข้าวของต่างๆจะแพงกว่าที่เมืองไทย กี่เท่า เนื่องจากเกรงว่า รายได้ที่ทางบริษัทสามีจ่ายให้ทุกเดือน จะใช้จ่ายพอดีๆ ไม่เหลือเก็บกลับมาตอนที่เรากลับมาเมืองไทยก็จะลำบาก เพราะทาง เอต้องออกจากงานตามไปก็เสียรายไดไปพอสมควร  
 ค่าอพารตเมนท์ทางบริษัทจ่ายให้ และให้เงินใช้ต่อเดืน 2500 ฟรังก์ คุณป้าคิดว่าพอช้ หรือไ แล้วจะเหลือเก็บบ้างหรือเปล่า
 2. เรื่องเรียนของลูก ทางบริษัท ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แต่ลูกชายปีนี้อยุ่ อ.2 กลัมาอีก 2ปี เพื่อนรุ่นเดียวกันก็เข้าป.1 กันหมดแล้ว ก้เกรงว่าลูกต้องกลับมาเรียซำ แล้วไปอยู่แค่ 2ปีกลัวว่าลูกจะสับสนเพราะตอนนี
 
 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำล่วงหน้าค่ะ
 
 

เอค่ะ


blacktea

สวัสดีค่ะคุณเอ  
 ค่าคอรงชีพที่สวิสแพงมากๆ นะคะ
 แพงกว่าอเมริกา แพงกว่าหลายประเทศในยุโรป
 
 เดี๋ยวไปคุยกันที่หัวข้อ  
 ค่าครองชีพในสวิสเซอร์แลนด์....ดีไหมคะ
 อยู่ข้างล่างลงไปไม่กี่กระทู้ค่ะ
 จะได้เล่าให้ฟังเป็นเรื่องๆ เอาตั้งแต่สบู่ ยาสีฟัน กันไปเลย
 

pall

บีจ๊ะ
 ป้าสนใจมากจริงๆเกี่ยวกับการเรียนครูที่นี่
 อย่างที่เมืองBern
 ครูที่จบและทำงานโรงเรียนอนุบาล
 ไม่จำเป็นต้องเรียนสูงเหมือนครูชั้นอื่น
 และครูก็ยังมีการเเบ่งชั้นกันไปอีก
 
 แต่ปัจจุบันนี้ครูอนุบาล
 เราไม่คิดว่าเป็นครูกระจอกอีกเเล้ว
 คนที่จะเป็นครูอนุบาล
 ต้องจบมหาวิทยาลัย...ทำให้ป้าได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นมาอีก...
 การเรียนหลักสูตรรุ่นใหม่เปลี่ยนไปหมดเลย
 ฝ่านก็บอกว่าหลักสูตรของเขาสมัยใหม่ไม่มีแล้ว...
 แบบนี้ยิ่งแย่ไปใหญ่

pall

คุณตุ้มพูดถึงโรงเรียนนานาชาติและเค้าใช้ระบบสากลกับอเมริกัน
 ทำให้พี่อยากรู้มากจริงๆ..ไม่เคยรู้ว่ามีการแบ่งแยกระบบการเรียน
 คิดว่ามีระบบเดียวกัน.
 
 ถ้าไม่เป็นการทำความลำบากให้คุณตุ้มจนเกินไป
 คุณช่วยมาเล่าเป็นวิทยาทานให้ฟังได้ไหมคะ
 เพราะพี่ไม่มีโอกาสสัมผัสมาก่อน...
 ยังคิดว่าทำไมคุณส่งลูกไปเรียนโรงเรียนนานาชาติ.
 ขอขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

blacktea

ป้าคะ....จริงก็ไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรียนวิชาชีพครูซักเท่าไหร่ค่ะ
 เห็นหลานสาวคนโต กำลังเรียนวิชาชีพครู
 ปีนี้ เป็นปีที่ 2 อีก ปีเดียวก็จะจบ ก็คือเรียน 3 ปี ว่างั้น
 แต่ระหว่างเรียน เขาก็ต้องไปสอนเด็กนักเรียนในชั้นเรียนจริงๆ นะคะ
 เอาไว้ให้เขาสอบเสร็จแล้วจะไปคุยแล้วมาเล่าให้ฟังค่ะ

pall

เห็นรูปที่เอามาลงถูกใจมากจริงๆ
 เป็นภาพที่บอกถึงความรู้สึกโดยไม่ต้องอธิบาย
 
 ฟังที่นิดเขียนมาป้าเข้าใจดีมากจ๊ะ
 เรื่องลูกไปหาต้องไปหาLogopädie
 เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับนิดคนเดียว
 กับแม่อื่นๆก็มี...โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพ่อแม่ต่างชาติ
 Logopädieเป็นหน่วยงานของรัฐบาล
 ที่ช่วยเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับการออกเสียง
 การฟัง...ที่ไม่ค่อยเข้าใจ....บางแห่งเริ่มช่วย
 เด็กตั้งแต่เรียนอนุบาลแล้ว...แล้วแต่เขตที่อยู่
 
 Logopädieจะเน้นสอนช่วยเด็ก
 เกี่ยวกับการออกเสียง...อย่างถูกต้อง
 บางเขตนะนิด...เขาให้พ่อแม่เข้าไปด้วยเลย
 เพื่อเวลากลับบ้านมาจะได้ช่วยลูกอีกที
 เด็กบางคนฉลาดมากแต่มีปัญหาเกี่ยวกับการออกเสียง
 เด็กบางคนเป็นมาก...
 
 เรื่องIV........
 มาจากคำเต็มว่า Die schweizerische Invalidenversicherung (IV)
 
 คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ทุกคนจะมีประกันส่วนนี้...
 ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจะได้รับความช่วยเหลือจากประกันสังคมส่วนนี้
 การช่วยเหลือไม่จำเป็นจะต้อง..ง่อยเปลี้ยเสียขา....
 หรือปัญญอ่อน....บกพร่องทางจิต....หรือนั่งรถเข็น..
 หรือน้ำลายไหลยืด...ตามที่ทุกคนเข้าใจว่า
 พอเอ่ยถึงว่าได้รับเงิน
 **อีเฟ่าIV...**
 จะนึกถึงว่าคนนั้นต้องน้ำลายไหลยืด....หรือนั่งรถเข็นก่อนอื่น
 
 เหมือนเด็กพอมีปัญหาเกี่ยวกับการฟังหรือการออกเสียง
 เราก็จัดเข้าประเภทได้รับการช่วยเหลือจากประกันสังคม..
 เพราะเด็กมีปัญหาทางด้านสุขภาพ...
 ลิ้นก็ถือว่าเป็นสุขภาพอย่างหนึ่ง...