สวัสดีค่ะป้า pall และพี่ๆทุกคน กลับมาให้ปวดหัวอีกแล้วจ้า..ฮิฮิฮิ เรื่องหางานทำค่ะ

Started by อ้อม , September 23, 2005, 09:02:26 PM

Previous topic - Next topic

อ้อม

เรื่องมีอยู่ว่า อ้อมได้คุยกับแฟนและบอกเค้าว่าอ้อมอยากทำงานที่นู่น เพราะอ้อมยังมีภาระต้องผ่อนรถยนต์ตัวเองที่เมืองไทย แล้วก็ผ่อนให้แม่ด้วย อ้อมไม่อยากขอเงินเดือนเค้าบางส่วนแล้วส่งมาให้ทางบ้าน รู้สึกไม่ค่อยดีที่จะขอเค้าค่ะ ถ้าอ้อมไม่มีรายได้แล้วเค้าต้องเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ถ้าเป็นอย่างนั้นเค้าก็คงเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ถ้าอ้อมขอเงินเค้าส่งมาให้ที่บ้านคงไม่ fair สำหรับเค้าแน่ๆ ...อ้อมเลยขอเค้าทำงานหลังแต่งงานค่ะ ..เค้าก็โอเค เพราะแฟนอ้อมเค้าก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร พออยู่พอกิน ..อีกอย่างเค้ายังอายุน้อยเพิ่งจะตั้งเนื้อตั้งตัว ค่ะ (33 เองค่ะ) คงไม่มีเงินถุงเงินถังมากมายมาให้เราฟุ้งเฟ้อ ...แต่เค้าก็ไม่ได้จน แบบอ้อมต้องอดๆอากๆหลังแต่งงานนะคะ ..แต่มันจะดีกว่าเยอะถ้าอ้อมได้ทำงานด้วยค่ะ ...เราอยากซื้ออะไรส่วนตัวก็จะได้จ่ายตามใจชอบ...อืม เข้ารื่องที่อ้อมอยากปรึกษาป้าและพี่ๆนะคะ ..
 1. อ้อมยังพูดภาษาเยอรมันไม่ได้เลยค่ะ ..ได้แบบงูๆปลาๆ แค่แนะนำตัว ,สบายดีไหม,แบบพื้นๆเลยค่ะ แล้วอย่างนี้พอจะมีงานอะไรให้อ้อมทำที่นู่นไหมคะ?แล้วถ้าอ้อมอยากเรียนภาษาที่นู่นเพิ่มเติมต้องใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ค่ะถึงจะไปวัดไปวาได้.? แล้วพี่ๆไปเรียนกันที่ไหนบ้างคะ ? อ้อมอยู่ที่ THUN ค่ะ  
 2. ตอนอยู่ที่นู่นแฟนพาไปดูออฟฟิศที่เค้าจะหางานทำให้เรา..อ้อมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ค่ะ แฟนบอกว่าแค่เราไปหาเค้าแล้วบอกคุณสมบัติของเรา ไม่เกิน 3 วันเค้าจะหางานทำให้เราได้เลยค่ะ ..อย่างนี้ก็ดีสิคะ
 อ้อมก็ไม่ได้หวังอะไรมากมาย ตอนแรกๆที่ยังพูดภาษาไม่ได้ก็ขอได้งานง่าย อย่างทำความสะอาด หรือ โรงงานก็ยังดี ...เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยก็ได้  
 3. แฟนเล่าให้ฟังว่าเพื่อนแกก็มีแฟนเป็นคนไทย, พูดเยอรมันได้นิดหน่อย..น้อยๆมาก..พี่เค้าได้งานทำในสวน strawberries แค่ 3 วันในหนึ่งอาทิตย์ เค้าได้ 2,000 CHF ต่อเดือน ..โหว!!!! คิดเป็นเงินไทยสบายเฉิบเลยค่ะ  
 4. อ้อมพูดเยอรมันได้น้อยมากๆ แต่ภาษาอังกฤษปรื๋อเลยค่ะ เพราะงานที่ทำอยู่ที่เมืองไทยตอนนี้ส่วนใหญ่ใช้ภาษอังกฤษกับนายฝรั่งค่ะ ..ลูกค้าก็เป็นฝรั่งด้วย ..อย่างนี้อ้อมพอจะหางานทำแถวๆที่เค้าจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอะไรแบบนั้นได้ไหมคะ ...อย่างแถว interlake อะไรอย่างนี้ค่ะ เพราะ ไปทำงานด้วยรถไฟก็คงได้  
 
           ทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งอ้อมกำลังคิดตอนนี้ค่ะ ทุกวันนี้ก็ไปเรียนภาษาเยอรมันตอนเย็น ..มีเวลาอีก แค่ 2 เดือนก่อนจะเดินทางไปอยู่กับแฟนที่นู่น ..แต่อย่างว่านะคะ เวลาน้อยและอีกอย่าง คนไทยสอนน่ะคะ ..คนไทยยังไงก็คือคนไทย, สอนเน้น grammar ค่ะ ไม่ค่อยเน้นพูดเท่าไหร่...หรือว่าต้องอยู่ไป อยู่ไปแล้วจะพูดได้เองคะ?

**กระทู้นี้เป็นกระทู้เดิมหมายเลข 0864 ห้อง pallswiss (เผื่อใช้ในการค้นหา)**

pall

สวัสดีจ๊ะออม
 ป้าเข้าใจดีจ๊ะ ไม่ว่าใครเมื่อมาอยู่ที่นี่ก็ต้องการทำงานหาเงินทั้งนั้น
 การมาเที่ยวและการมาอยู่ที่นี่จะแตกต่างกันมาก
 ก่อนอื่นป้าคิดว่าให้ออมมาอยู่และทำความเคยชินกับที่นี่ก่อน
 หลังจากนั้นก็เริ่มขวนขวายหางานทำ
 สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องภาษา
 การไม่รู้ภาษาหรือไม่เข้าใจภาษาจะทำให้เราเสียเปรียบ
 ป้าอยากให้ออมเรียนภาษาให้เข้าใจก่อน
 และพยายามหัดและพูดกับคนที่นี่
 ภาษาท้องถิ่นแบรนด๊อยซ์เป็นภาษาที่ยาก
 และเข้าใจยากพอควร
 แต่ไม่เกินความสามารถของเรา
 คนสวิสสมัยใหม่จะพูดภาษาอังกฤษได้ก็จริง
 แต่คนเบิร์นส่วนมากก็ยังพูดภาษาท้องถิ้น
 Thunป้ารู้จักดีเหมือนบ้านตัวเอง
 
 เรื่องการหางานทำไม่ใช่ว่าจะหาง่ายตามที่ทุกคนคิด
 คนสวิสตกงานกันมาก  ขนาดงานทำความสะอาด
 ที่สมัยก่อนคนคิดว่าเป็นงานต่ำ
 ปัจจุบันยังแย่งกันทำเลย
 ลูกชายป้าตกงาน  ไปขอทำงานล้างส้วม
 เขายังไม่รับเลยบอกว่าได้คนแล้ว
 
 งานทำความสะอาดถ้าอยากจะทำจริงๆรับจ้างทำได้
 ดูตามหนังสือพิมพ์ที่ที่ลงไว้  
 ว่าต้องการคนมาทำความสะอาดตามบ้าน
 หรือตามออฟฟิศ
 ค่าแรงแล้วแต่การตกลงกัน
 แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะได้ง่ายๆ
 การไปสมัครงานจากสถานที่
 เขาหางานให้อย่างทีออมเข้าใจ
 ก็ไม่ใช่ว่าจะได้ง่ายนะ
 ขนาดลูกชายป้าไปสมัครยังไมได้เลย
 
 ป้าว่าให้ออมมาอยู่ที่นี่ก่อนแล้วค่อยคุยกันใหม่
 ถึงเรื่องงานจะดีไหมจ๊ะ
 
 ขอเอาใจช่วยจ๊ะ
 

นิด (แม่ลูกหมูสามตัว)

น้องอ้อมค่ะ เรื่องแรกเลยพี่อยากให้เรื่องวีซ่า ตามมาด้วยเรื่องแต่งงานให้เสร็จเรียบร้อย พอน้องมาอยู่ได้ก็ทำการปรับตัวศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ให้ชิน แล้วหาที่เรียนภาษาเยอรมันซึ่งสำคัญมากเลยในการหางาน เอาไปที่หล่ะขั้นตอน อย่าพึ่งกระโดดข้ามขั้น ใจเย็นๆค่ะ บ้านนี้ยังคงยินดีให้คำปรึกษาน้องตลอดค่ะ

เกตุ

รู้สึกว่าถ้าไปให้บริษัทจัดหางาน หาให้ จะโดนหักเปอร์เซ็นต์ด้วยนะคะ

อ้อม

ขอบคุณค่ะ จริงอย่างที่ป้าและพี่นิด ว่า ไปทีละขั้นดีกว่านะคะ ..อ้อมเป็นอย่างนี้เสมอค่ะ ชอบคิดไกล..พอดีอ้อมเป็นเด็กต่างจังหวัด,ฐานะทางบ้านไม่ได้ร่ำรวยอะไร เลยขวนขวายด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ..เลยค่อนข้างจะคิดอะไรไกลๆเสมอค่ะ ..แต่ก็โชคดีได้มาเจอแฟนคนนี้ เป็นคนดีมากๆ ในอนาคตก็อยากอยู่กันจนแก่จนเฒ่าและมีความสุขเหมือนป้า pall และพี่นิดค่ะ ..ขอบคุณมากค่ะ ..อ้อ..ขอบคุณคุณเกตุด้วยค่ะ  

pall

สวัสดีจ๊ะอ้อม
 เพิ่งเห็นว่าเขียนชื่ออ้อมผิดไปคนแก่ก็แบบนี้ตาลาย....
 ป้าเข้าใจถึงความรู้สึกดีมากเลย
 ระยะทางที่อ้อมต้องก้าวเดินนั้นยังยาวไกล...
 และต้องผ่านอุปสรรคมากมาย
 ชีวิตคู่ไม่ได้หวานเหมือนหนังที่เราดู
 การใช้ชีวิตที่นี่ต้องใช้ความอดทนมากที่สุด
 สิ่งที่เราควรทำความเข้าใจคือการรู้จักปรับตัว
 ให้เข้ากับเขาและรียนรู้ขนบธรรมเนียมประเพณีของทีนี่
 และนำมาประยุกต์ใช้โดยไม่ลืมประเพีของเรา
 คนไทยเราฉลาดอยู่แล้ว..รู้จักการแยกแยะ
 ป้าเชื่อว่าอ้อมต้องทำได้ไม่มีปัญหา
 
 ความคิดถึงบ้าน.ความว้าเหว่...ไม่มีเพื่อน
 สิ่งนี้อ้อมต้องพยายามทำความเข้าใจกับมันให้มาก
 ถ้าอ้อมมาอยู่ที่นี่สิ่งนี้เป็นสิ่งแรกที่อ้อมจะได้รับ
 และสัมผัสกับมัน
 ถ้าอ้อมผ่านจุดนี้ไปได้จะเป็นช่วงที่จะอยู่และใช้ชีวิต
 ที่นี่อย่างมีความสุขตามอัตภาพของเรา..
 อยู่ที่ว่าเราจะใช้ชีวิตแบบไหน...
 มีคนไทยมากมายอาศัยและใช้ชีวิตที่นี่
 สิ่งนี้ไม่มีปัญหาถ้าเราอยากทำความรู้จักและเลือกคบใคร
 ความระมัดระวังแยกแยะเป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้
 Thun..ที่อ้อมจะมาอยู่นั้นสวยมาก
 อยู่ไม่ไกลจากBern..ไม่ถึงครึ่งชม.
 ก็เข้ามาซื้ออาหารไทยที่นี่ได้แล้ว
 มีร้านไทยหลายร้าน..มีขายทุกอย่าง
 
 แล้วเราค่อยคุยกันใหม่นะจ๊ะ
 
 

แพร

น้องอ้อมค่ะ พอจะนึกภาพน้องอ้อมออกถึงความลุกลนว่าเป็นอย่างไร เพราะเคยเป็นมาก่อน  
 รถขอแนะนำให้ขายนะค่ะ ขายไปก่อน เพราะถ้าน้องอ้อมไม่อยู่ใช้ รถก็ราคาตกทุกปี ค่าประกัน ค่าทะเบียนก็ต้องต่อทุกปี แถมเรื่องดูแลรถอีก ขายเอาเงินเก็บใส่แบงค์ยามฉุกเฉินดีกว่ามั้งค่ะ(เข้าแบงค์ที่ใช้หักกับบัตรเครดิตวีซ่า เวลาใช้ปลายเดือนเขาจะได้หักจากเงินในบัญชีเลย)
 และอีกอย่าง ถ้าน้องอ้อมได้ทำงานจริง ๆแล้ว กลับไปค่อยซื้อใหม่ก็ได้นะค่ะ ได้รถใหม่คันใหญ่กว่าเดิมด้วย  ต่อไปถ้าได้งานเข้าจริง ๆ เกรงน้องอ้อมจะไม่กลับเมืองไทยง่าย ๆ มากกว่า เพราะสวัสดิการที่สวิสฯเขาดูแลประชาชนดีมากค่ะ
 เรื่องแต่งงานให้ทำวีซ่าคู่หมั้นมานะค่ะ(ใช้เวลาสองเดือนในการรอวีซ่าคู่หมั้น) เพราะเอกสารจะถูกส่งมาเช็คคนของเขาด้วยว่าสามารถแต่งงานกับเราได้จริงหรือไม่
 บางคนทำวีซ่าท่องเที่ยวมาเพื่อมาจะแต่งงาน บางคนทำเรื่องได้แต่งงานในสวิสฯไม่ทันภายในสามเดือนก็ต้องบินกลับเมื่อครบกำหนดวีซ่า
 บางคนบินมาทำวีซ่าท่องเที่ยว พอจะแต่งงานเข้าจริง ปรากฏว่าว่าที่สามีแต่งงานด้วยไม่ได้เพราะเรื่องหย่ากับเมียเก่ายังไม่เสร็จ ก็สรุปเราก็ต้องกลับเมื่อวีซ่าครบ
 เรื่องงาน  อย่าหวังมากเลยนะค่ะ บอกได้ว่ายากมาก ๆ ไม่ว่างานทำความสะอาด หรือช่วยหลังครัวร้านอาหารไทย  ทำใจเผื่อไว้บ้าง  แต่ถ้าใจสู้มาถึงปุ๊บไปหางานช่วยหลังร้านอาหารไทยได้ก็จะดีมาก งานลำบากมากนะค่ะ เหมือนมาเป็นคนใช้เขา ลำบากมาก ๆ ทำทุกอย่างจนถึงหามถึงขยะไปทิ้ง แต่เงินถ้าเทียบกับความเหนื่อยแล้วก็ค่ะ ประมาณ 3,000 /3,500 frs.  เสียภาษีต่อเดือนหักแล้วก็เหลือ"ประมาณเฉลี่ย 2,500-3000 frs. หักค่าประกันชีวิตที่ต้องทำทุกคน ถ้าคุณจ่ายเองก็ตกประมาณเดือนละ 300 frs และคุณต้องหักเก็บใส่กระปุกไว้อีกเดือนละประมาณ 10-15% ของเงินเดือนเพื่อรวบรวมไว้เป็นค่าภาษีรายปี
 เนาะ ๆก็เหลือประมาณ 2,000 frs.  ส่งให้ที่บ้าน เดือนละ 500 frs.
 เก็บเข้าแบงค์เมืองไทย(มี่มีบัตรวีซ่าใช้ได้ทั่วโลก)
 เหนาะ ๆ ปีหนึ่งก็ได้ประมาณห้าแสนกว่า ๆ  
 
 .......ต่อไปคิดเองนะค่ะว่าจะเอาเงินไปซื้ออะไรดี คนเปลี่ยนใจจากการซื้อรถสวย ๆ ไปซื้อที่หลาย ๆ ไร่ให้พ่อแม่ภูมิใจดีกว่ามั๊ยค่ะ ด้วยน้ำพักน้ำแรงของเราเอง
 
 ให้กำลังใจค่ะ

ปุั้ย

อืมเห็นด้วยกับคุณแพร ร้อยเปอรํเซนเพราะปุ้ยเองก็ทำเรื่องแต่งงาน..ทำวีซ่าคู่หม้ันมาค่ะ(ใช้เวลาสองเดือนในการรอวีซ่าคู่หมั้น)และสามารถซื้อตัํวเครื่องบินขาเดียวใด้ด้วยค่ะ..เอาใจช่วยจ้ะ..

มาแก้ให้ค่ะ

ประกันชีวิตไม่ได้มีกฏบังคับให้ทำใครอยากทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ประกันเจ็บป่วยสิมีกฏหมายบังคับต้องทำทุกคน

เห็นด้วย

ชอวีซ่าแต่งงานมาเถอะ  เพราะว่าไม่ยุ่งยาก  ทางสถานฑูตจะบอกกัน ๆ ไว้เผื่อว่าประมาณแปดอาทิตย์แต่ทำจริง ๆ นะไม่ถึงแน่นอน  และก็ชัวร์ ๆ เลย  และอีกอย่างง่ายกว่าการขอวีซ่าท่องเที่ยวด้วยคะ  ขอวีซ่าท่องเที่ยวนะบางทีตุ๊กติก เรื่องมาก  ซึ่งโอกาสที่จะไม่ผ่านนะก็เป็นไปได้ด้วย  แต่วีซ่าแต่งงานนะ  เป็นการตรวจสอบทางฝ่ายชายมากกว่านะคะ  และทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นด้วย ว่าทางฝ่ายชายไม่มีภาระติดพันธ์(ไม่ได้มาพูดบอกว่าฝ่ายชายไม่มั่นใจ แต่เราเป็นฝ่ายหญิงนะความแน่นอนก็ควรมีไว้ก่อนนะ)  ของ่าย ๆ คะให้ฝ่ายชายไปติดต่อทางตำรวจในเขตที่ฝ่ายชายอยู่  และก็เอาหลักฐานตามที่เค้าบอกว่าต้องการ  ขอบอกว่าง่ายกว่าการขอวีซ่าท่องเที่ยว  และค่าใช้จ่ายถูกกว่ามาก ๆ เลยคะ  แถมความแน่นอนร้อยเปอร์เซนต์คะ

แพร

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ  
 สวัสดีค่ะคุณความคิดเห็นที่ แปด
 ไม่ทราบพูดถึงคหที่ หก ที่แพรตอบไว้หรือเปล่า
 ถ้าใช่ แพรหมายถึง"ประกันเรื่องรถยนต์นะค่ะ" ไม่ใช่ประกันชีวิต
 เดี๋ยวนี้รถเขาบังคับทำประกันทุกปีค่ะ อยู่ที่ว่าจะประกันแบบประเภทไหน มีถูกมีแพง ตามสภาพรถ ตามความแรงรถ และตามผู้ซื้อว่าจะให้ควบคุมทุกอย่าง หรือเฉพาะบางส่วน
 
 ถ้าไม่ได้พูดถึงคห ที่ หก ที่แพรเขียนไว้ ก็ขอโทษด้วยนะค่ะ
 

ต๋อย

สวัสดีค่ะคุณอ้อม เจ้าของกระทู้ ป้าพอลและเพือนที่น่ารักในเวปนี้ทุกคน
 
 อยากจะบอกเหมือนกันค่ะว่าก่อนที่ตกลงจะมาอยู่ที่นี่ ก็มีความคิดคล้ายๆกับคุณอ้อม  
 แต่พอมาถึงจริงๆ อะไรมันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย แต่ก็ขึ้นกับโอกาสและจังหวะของคนๆ นั้นด้วย
 อย่างต๋อยแต่งงานช่วงเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว และหลังจากแต่งงานเสร็จเดือนถัดไปก็เข้าเรียนภาษาประมาณ 5 เดือน ไปเรียนทุกวัน ไม่เคยขาด เพราะค่าเรียนแพงเหลือเกิน เรียนมาได้ครึ่งทาง  ก็หยุดเพื่อคิดว่าจะลองหางานทำดู ภาษาเยอรมันยังไม่คล่องนะค้า พอเอาตัวรอดได้  
 ก็ส่งไปหลายที่เหมือนกัน ส่วนมากจะเป็นงานโรงงานแถวไม่ไกลจากหมู่บ้านเดินทางสะดวกหน่อย  ปรากฎว่าส่งกลับมาหมดเลยค่ะ ท้อเหมือนกันนะคะ  
 มีความคิดนึงแวบขึ้นมาว่าลองเขียนไปที่ทำการหมู่บ้านดู เผื่อเขามีงานให้ทำเช่นความสะอาด หรืองานสวน อะไรอย่างนี้ล่ะค่ะ  
 ปรากฎว่าวันนึงเขาส่งจ.ม. มาบอกให้เราไปคุยด้วย เพราะเขาต้องการคนช่วยทำความสะอาด ร.ร. ประถมแถวบ้าน พอดีคนประจำเขาป่วย  
 
 คิดว่าเออยังดี ดีกว่าไม่ได้ไรเลย  สิ้นปีนี้ก็คงเลิกทำแล้ว เขาก็บอกล่วงหน้า  3 เดือน ออกใบผ่านงานให้ เพื่อว่าเราจะได้ใช้สมัครงานที่อื่นๆ
 
 งานที่นี่หาไม่ได้ง่ายอย่างใจหวังเลยค่ะ   ไปสำนักงานจัดหางาน ก็ไปมาแล้ว 2-3 ที่ ก็ไม่เห็นตอบกลับมาเลย
 แต่ยังไงก็เอาใจช่วยนะค้า  มาถึงสวิสเมื่อไหร่ อย่าลืมเข้ามาทักทายกันอีกนะค้า

มาแก้ให้ค่ะ

ไม่ได้มาขัดแย้งอะไรเพราะที่คุณเขียนมาอ่านกี่รอบก็ไม่มีคำว่ารถยนต์เรื่องกฏหมายต่างๆถ้าไม่แน่ใจว่ากรองมาแน่นอนดีแล้วก็น่าจะระวังในการเขียนเพราะคนที่เข้ามาอ่านมาเขียนที่นี่ก็พอจะรู้หลายๆอย่างที่สวิสไม่มากก็น้อย__ติเพื่อก่อดีกว่ายอเพื่อทำลาย,,,,,,ข้างล่างนี้กอปที่คุณเขียนมาค่ะ
 
 ได้ก็จะดีมาก งานลำบากมากนะค่ะ เหมือนมาเป็นคนใช้เขา ลำบากมาก ๆ ทำทุกอย่างจนถึงหามถึงขยะไปทิ้ง แต่เงินถ้าเทียบกับความเหนื่อยแล้วก็ค่ะ ประมาณ 3,000 /3,500 frs. เสียภาษีต่อเดือนหักแล้วก็เหลือ"ประมาณเฉลี่ย 2,500-3000 frs. หักค่าประกันชีวิตที่ต้องทำทุกคน ถ้าคุณจ่ายเองก็ตกประมาณเดือนละ 300 frs และคุณต้องหักเก็บใส่กระปุกไว้อีกเดือนละประมาณ 10-15% ของเงินเดือนเพื่อรวบรวมไว้เป็นค่าภาษีรายปี  
 เนาะ ๆก็เหลือประมาณ 2,000 frs. ส่งให้ที่บ้าน เดือนละ 500 frs.  
 เก็บเข้าแบงค์เมืองไทย(มี่มีบัตรวีซ่าใช้ได้ทั่วโลก)  
 เหนาะ ๆ ปีหนึ่งก็ได้ประมาณห้าแสนกว่า ๆ

เจนนี่

หวัดดีเจ้าของกระทู้ค่ะ
 ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ ถ้าว่าง หรือเหงาไม่มีเพื่อนคุยก็เมลหรือโทรมาคุยกันได้จ้า
 นี่ค่ะ email       dkueng75@hotmail.com
 
 มาแรกๆเนี่ยก็เหงาและเกิดความกลัวบ้าง เรื่องการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
 เรื่องปัจจุบันบ้าง อนาคตบ้าง มีหลายอย่างที่ต้องคิด
 แต่ถึงอย่างไรในเมื่อมาอยุ่ที่นี่แล้วก็ให้คิดนะคะ พยายามไขว้ขว้าสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง สิ่งที่ทำให้เรามีความสุข
 และจงอดทนให้มาก
 
 ส่วนเรื่องงานก็ค่อยๆหาไปนะคะ ถ้ายังไม่ได้งานประจำก็อาจหางานบ้านทำก็ได้คะ ฝรั่งเค้าชอบคนไทยที่ทำงานบ้านได้ดีเรียบร้อยและไม่เรื่องมาก
 อันนี้จากประสบการณ์ตัวเองจริงๆ ที่พอมีตังเก็บบ้างเนี่ยก็เพราะทำงานบ้านนี่แหละคะ แต่มันได้ไม่เยอะแค่นั้นแหละ สู้งานประจำไม่ได้
 
 ขอให้โชคดีนะคะ

แพร

โอเคค่ะ ถ้าพูดถึงข้อนี้ (12) อ้าวแล้วเขาไม่เรียกประกันชีวติเหรอค่ะ  ที่เขาบังคับจ่าย  
 ประกันชีวิตคือเขาเรียก ร่วม ๆ หรือเปล่าค่ะ และแยกออกเป็นประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ ต้องขอโทษด้วยค่ะ ถ้าเรียกผิด  แต่ที่บ้านเรียกแบบนี้ และก็จ่ายทุกเดือน